โทรศัพท์ 1358

ตรวจเยี่ยมและรับฟังการบรรยายสรุปภาพรวมการดำเนินงานของ บริษัท ออเกอะ ไทย จำกัด (โรงงานช่างหนูเมืองพิจิตร) พร้อมทั้งมอบเงินสินเชื่อกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ)
ตรวจเยี่ยมและรับฟังการบรรยายสรุปภาพรวมการดำเนินงานของ บริษัท ออเกอะ ไทย จำกัด (โรงงานช่างหนูเมืองพิจิตร) พร้อมทั้งมอบเงินสินเชื่อกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ)
10 มิถุนายน 2561 - นายสมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นางสาวนิสากร จึงเจริญธรรม รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายสุรพล ชามาตย์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม คณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงอุตสาหกรรม นายจารุพันธุ์ จารโยภาส รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และนายเดชา จาตุธนานันท์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและรับฟังการบรรยายสรุปภาพรวมการดำเนินงานของ บริษัท ออเกอะ ไทย จำกัด (โรงงานช่างหนูเมืองพิจิตร) พร้อมทั้งมอบเงินสินเชื่อกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐให้กับบริษัทฯ บริษัท ออเกอะ ไทย จำกัด (โรงงานช่างหนูเมืองพิจิตร) ผู้ผลิตเครื่องสูบน้ำบาดาล ซึ่งเดิมที่ บริษัทฯ เริ่มกิจการด้วยการผลิต จำหน่าย และบริการรถเจาะเสาเข็ม รถปั่นจั่น และรถตอกเสาเข็มระบบไฮโดรลิครายแรกของเมืองไทย ต่อมาได้ขยายกิจการเป็นผู้ผลิตเครื่องจักรกลก่อสร้างและเครื่องจักรกลการเกษตร โดยลักษณะการผลิตนั้น มีทั้งผลิตตามคําสั่งซื้อและทําเพื่อรองรับตลาด และต่อมาได้ขยายโรงงานโดยสร้างอาคารใหม่ เพื่อทําการผลิตปั๊ม สูบน้ําบาดาล ยินดีเทอร์ไบร์ มีจุดเด่น สามารถสูบน้ำลึกได้ ซึ่งได้รับมาตรฐาน ISO 9001 : 2008 และมียอดจำหน่ายประมาณ 1000 ชุด/ปี โดยปัจจุบันได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้รับการส่งเสริมและพัฒนาผ่านโครงการต่าง ๆ จากศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 3 จ.พิจิตร กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม อาทิ โครงการพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรม (คพอ.รุ่น 95) โครงการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตเพื่อยกระดับความสามารถการแข่งขัน หรือ MDICP เป็นต้น โดยทางบริษัทฯ ได้นำองค์ความรู้ต่าง ๆ ไปปรับใช้และต่อยอดกับการดำเนินธุรกิจจนประสบความสำเร็จ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับสินเชื่อจากกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ จำนวน 5 ล้าน โดยจะนำไปลงทุนด้านการผลิตจักรยานไฟฟ้า เพื่อจำหน่ายให้กับชุมชนในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด ### PR. DIP (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
10 มิ.ย. 2561
ตรวจเยี่ยมและรับฟังการบรรยายสรุปภาพรวมชุมชนย่านเก่าวังกรด ตำบลบ้านบุ่ง อำเภอเมืองจังหวัดพิจิตร
ตรวจเยี่ยมและรับฟังการบรรยายสรุปภาพรวมชุมชนย่านเก่าวังกรด ตำบลบ้านบุ่ง อำเภอเมืองจังหวัดพิจิตร
10 มิถุนายน 2561 - นายสมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยนางสาวนิสากร จึงเจริญธรรม รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายจุลพงษ์ ทวีศรี ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นายจารุพันธุ์ จารโยภาส รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และนายเดชา จาตุธนานันท์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและรับฟังการบรรยายสรุปภาพรวมชุมชนย่านเก่าวังกรด ตำบลบ้านบุ่ง อำเภอเมืองจังหวัดพิจิตร โดยมี นายไตรสิทธิ์ เหรียญดำรงพร นายกเทศมนตรีองค์การบริหารส่วนตำบลวังกรด กล่าวต้อนรับ และนางกมลรัตน์ เหรียญดำรงพร ประธานชุมชนบ้านวังกรด กล่าวสรุปการดำเนินงานของชุมชน ชุมชนย่านเก่าวังกรด เป็น 1 ในชุมชนที่ได้รับการคัดเลือกจากจังหวัดให้เป็น 1 ในหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ หรือหมู่บ้าน CIV เนื่องจากเป็นชุมชนที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์และอัตลักษณ์เฉพาะตัว ด้านวัฒนธรรมและวิถีความเป็นอยู่ของชุมชนแบบดั้งเดิม และประวัติศาสตร์อันยาวนานและสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งมีศักยภาพเพียงพอที่จะถ่ายทอดวิถีชีวิตชุมชนให้กับคนต่างพื้นที่ได้เข้ามาสัมผัสและเรียนรู้เสน่ห์ของชุมชน อาทิ สถานีรถไฟที่ยังคงรูปแบบการตอกบัตรรถไฟแบบโบราณ บ้านแถวเรือนไม้ 2 ชั้น ยังคงสมบูรณ์ที่สุด มีประเพณีการแข่งเรือที่มีตำนานอันลือชื่อ “เรือศรทอง 30 ล้าน” บ้านหลวงประเทืองคดี ซึ่งอดีตเคยเป็นที่พักของหลวงประเทืองคดี ผู้ริเริ่มและให้การสนับสนุนชาวบ้านในการสร้างตลาด และมีบทบาทต่อความเจริญของชุมชนวังกรด ซึ่งตัวอาคารเป็นทรงตึกที่มีความทันสมัยหลังแรกของตลาดวังกรดในขณะนั้น ปัจจุบันบริเวณบ้านแวดล้อมไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ ซึ่งทายาทของหลวงประเทืองคดีได้มอบให้ทางเทศบาลตำบลวังกรดจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ให้อนุชนรุ่นหลังเข้ามาศึกษา สถาปัตยกรรมต่าง ๆ และเรื่องราวของชุมชนตั้งแต่ครั้งอดีต รวมถึงนำมาพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวประจำจังหวัดอีกแห่งหนึ่งควบคู่ไปกับการพัฒนาและต่อยอดผลิตภัณฑ์ให้กับชุมชนที่มีอยู่เดิม อาทิ ชาใบจิก ข้าวเกรียบว่าว สาคูไส้หมูสูตรโบราณกว่า 100 ปี และเคยนำไปถวายสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อครั้งเสด็จ จ.พิษณุโลกเมื่อไม่นานมานี้ สบู่สมุนไพร ผ้ามัดย้อม เป็นต้น โดยทางศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 3 จังหวัดพิจิตร กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้ให้การส่งเสริมและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ทั้งในด้านการผลิต การออกแบบ และการต่อยอดผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่าให้สินค้า เป็นการสร้างรายได้เข้าสู่ชุมชนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังส่งเสริมและสร้างโอกาสให้เยาวชนในชุมชนสร้างฐานตลาดออนไลน์ เพื่อดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติมาสัมผัสบรรยากาศกลิ่นอายของชุมชนย่านเก่าอีกด้วย ### PR. DIP (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
10 มิ.ย. 2561
ตรวจเยี่ยมและติดตามความคืบหน้าการจัดตั้งศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรม (Industry Transformation Center : ITC)
ตรวจเยี่ยมและติดตามความคืบหน้าการจัดตั้งศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรม (Industry Transformation Center : ITC)
10 มิถุนายน 2561 นายสมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสากรรม และคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม เข้าตรวจเยี่ยมและติดตามความคืบหน้าการจัดตั้งศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรม (Industry Transformation Center : ITC) โดยมีนางเฉลา ศรีเพ็ชร์ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 3 และเจ้าหน้าที่ ให้การตอนรับ ณ ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 3 อ.เมือง จ.พิจิตร
10 มิ.ย. 2561
กระทรวงอุตสาหกรรม ผนึกพลังเครือข่ายประชารัฐ เปิดมิติใหม่ พลิกโฉม SME ไทย #พร้อมเปลี่ยน สู่ 4.0
กระทรวงอุตสาหกรรม ผนึกพลังเครือข่ายประชารัฐ เปิดมิติใหม่ พลิกโฉม SME ไทย #พร้อมเปลี่ยน สู่ 4.0
วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤษภาคม 2561นายสิทธิรงณ์ เร่งเงียบนักวิชาการอุตสาหกรรมชำนาญการพิเศษ และ น.ส จีรนันท์ อินศรี นักวิชาการอุตสาหกรรมชำนาญการพิเศษ เข้าร่วมงาน กระทรวงอุตสาหกรรม ผนึกพลังเครือข่ายประชารัฐ เปิดมิติใหม่ พลิกโฉม SME ไทย #พร้อมเปลี่ยน สู่ 4.0 โดยมี ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดงาน SME Transform #พร้อมเปลี่ยน ประชารัฐร่วมใจ เชื่อม SME ไทยสู่สากล โดยมี นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวรายงาน ในการนี้ นายสมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายสันติ กีระนันทน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม นายพสุ โลหารชุน ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะผู้บริหารจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมพิธีเปิดงานกว่า 1,000 คน ซึ่งงานดังกล่าวจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-20 พฤษภาคม 2561 โดยกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี งาน SME Transform #พร้อมเปลี่ยน มุ่งหวังขับเคลื่อนและยกระดับ SME สู่ยุค 4.0 ผ่านมาตรการส่งเสริมพัฒนาและมาตรการด้านการเงิน ในการช่วยเหลือ ส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs ให้มีศักยภาพและมีขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นการรวมพลังเครือข่ายประชารัฐในการขับเคลื่อนและยกระดับ SMEs สู่ยุค 4.0 รวมถึงเป็นเวทีให้ SMEs ได้สัมผัสและเรียนรู้ผลสำเร็จนโยบายการส่งเสริม SMEs ตลอดจนการสร้างการรับรู้แนวทางและโอกาสการปรับเปลี่ยนธุรกิจพร้อมนำเสนอกลไก การยกระดับ SMEs ทุกกลุ่ม ทุกมิติ และทั่วประเทศ ภายในงานมีกิจกรรมที่น่าสนใจ ประกอบด้วย (1) เศรษฐกิจชุมชนเข้มแข็ง พบกับการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ชุมชนให้เกิดมูลค่าเพิ่ม นำสู่การยกระดับวิสาหกิจชุมชน สู่นักธุรกิจมืออาชีพ (2) พลิกโอกาสสร้างธุรกิจ พบกับผลงานความสำเร็จของนักธุรกิจรุ่นใหม่ พร้อมบริการที่เสริมศักยภาพสู่การเป็น Startup (3) ปรับเปลี่ยนยกระดับธุรกิจ พร้อมคำแนะนำสำหรับ SME จาก Big Brother เพื่อส่งเสริมสนับสนุนให้ SME เกิดการเติบโต มั่นคง พร้อมขยายโอกาสสู่ตลาดโลกยุค 4.0 (4) SME ONE เชื่อมต่อทุกความต้องการธุรกิจ มาจุดเดียวครบทุกหน่วยงานที่ให้บริการปรึกษาแนะนำทางธุรกิจแก่ SME (5) การเงินเสริมแกร่ง เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่าย รวดเร็ว ด้วยแพ็กเกจสินเชื่อ SME จากทุกธนาคาร ในโปรโมชั่นสุดพิเศษ และ (6) ช้อปสินค้าดีมีคุณภาพ แหล่งรวมสินค้า SME คุณภาพดี ได้มาตรฐานในราคาโรงงาน นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังสามารถเติมความรู้กับการสัมมนาที่จะมาเสริมความแกร่งทางธุรกิจ จากวิทยากรผู้มีประสบการณ์ตรง ทั้งจากธุรกิจชุมชน Startup SME โค้ช SME และ Big Brother ด้วยกระทรวงอุตสาหกรรม ขอเชิญชวนประชาชนและผู้ที่สนใจมาร่วมเปิดมิติใหม่กับมาตรการขับเคลื่อนและยกระดับ SME ไทยยุค 4.0 ไปพร้อม ๆ กัน ในงาน SME Transform #พร้อมเปลี่ยน ประชารัฐร่วมใจ เชื่อม SME ไทยสู่สากล ระหว่างวันที่ 18 - 20 พฤษภาคม 2561 นี้ ณ อาคารชาเลนเจอร์ 2 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี ขอบคุณภาพข่าวจากPr. DIP (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) รายงาน/ภาพข่าว
21 พ.ค. 2561
การสรรหาคณะกรรมการผู้ใช้พลังงานประจำเขต (คพข)
การสรรหาคณะกรรมการผู้ใช้พลังงานประจำเขต (คพข)
???? การสรรหาคณะกรรมการผู้ใช้พลังงานประจำเขต (คพข) ถ้าท่านเป็นผู้ใช้พลังงานที่มีจิตอาสาสมัครเข้ารับการสรรหาเป็น "คณะกรรมการผู้ใช้พลังงานประจำเขต (คพข.)" ของแต่ละจังหวัดเพื่อทำหน้าที่เป็นกลไกในการคุ้มครองผู้ใช้พลังงานให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศตามประเทศตาม พรบ.การประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ.2550 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครได้ที่ ⬇️http://www.erc.or.th/ERCWeb2/Front/News/NewsDetail.aspx… ☎️ 02-207-3599 ต่อ 883,884
10 พ.ค. 2561
พิธีเปิดงานวันแรงงานแห่งชาติจังหวัดพิจิตร ประจำปี 2561  "แรงงานพิจิตรร่วมใจ ห่างไกลยาเสพติด ชีวิตสุขสันต์ สานฝันไทยนิยมยั่งยืน"
พิธีเปิดงานวันแรงงานแห่งชาติจังหวัดพิจิตร ประจำปี 2561 "แรงงานพิจิตรร่วมใจ ห่างไกลยาเสพติด ชีวิตสุขสันต์ สานฝันไทยนิยมยั่งยืน"
วันที่ 2 พฤษภาคม 2561 นางสาวนิรามัย ศิริศรีสุดากุล ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 3 และหัวหน้าส่วนราชการ จังหวัดพิจิตรเข้าร่วมเป็นเกียรติ พิธีเปิดงานวันแรงงานแห่งชาติจังหวัดพิจิตร ประจำปี 2561 "แรงงานพิจิตรร่วมใจ ห่างไกลยาเสพติด ชีวิตสุขสันต์ สานฝันไทยนิยมยั่งยืน" โดยมี นายสมภพ สมิตะสิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรเป็นประธาน เปิดงาน ณ ศูนย์แสดงสินค้าจังหวัดพิจิตร (CK Hall) อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร
02 พ.ค. 2561
การประชุมเจ้าหน้าที่ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 3 ครั้งที่ 6/2561 (ประจำเดือนเมษายน 2561)
การประชุมเจ้าหน้าที่ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 3 ครั้งที่ 6/2561 (ประจำเดือนเมษายน 2561)
วันอังคารที่ 1 พฤษภาคม 2561 นางสาวนิรามัย ศิริศรีสุดากุล ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 3 เป็นประธานการประชุมเจ้าหน้าที่ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 3 ครั้งที่ 6/2561 (ประจำเดือนเมษายน 2561) โดยมีเจ้าหน้าที่เข้าร่วมประชุม จำนวน 34 คน ณ ห้องประชุมชั้น 3 ศูนย์ส่งเสริมอุตสหกรรมภาคที่ 3 อ.เมือง จ.พิจิตร
01 พ.ค. 2561
การชี้แจงประเด็นข้อคิดเห็นจากฝ่ายต่างๆ กรณีที่รัฐบาลไทยได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) 4 ฉบับ ร่วมกับกลุ่ม บริษัท อาลีบาบา
การชี้แจงประเด็นข้อคิดเห็นจากฝ่ายต่างๆ กรณีที่รัฐบาลไทยได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) 4 ฉบับ ร่วมกับกลุ่ม บริษัท อาลีบาบา
การชี้แจงประเด็นข้อคิดเห็นจากฝ่ายต่างๆ กรณีที่รัฐบาลไทยได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) 4 ฉบับ ร่วมกับกลุ่ม บริษัท อาลีบาบา ข้าพเจ้า นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ขอรายงานผลการชี้แจงประเด็นข้อคิดเห็นจากฝ่ายต่างๆ กรณีที่รัฐบาลไทยได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) 4 ฉบับ ร่วมกับกลุ่ม บริษัท อาลีบาบา ประเด็นประจำวันเสาร์ที่ 21 เมษายน 2561 ในประเด็นที่1โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้ 1) ประเด็นที่กังวลว่าความร่วมมือกับอาลีบาบาอาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการไทยในตลาดการค้าออนไลน์ ทำให้ต้องขายกิจการให้ต่างชาติ เนื่องจากอาลีบาบาเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ มีงบประมาณด้านการตลาดมาก รวมทั้งรัฐบาลจีนให้การอุดหนุนด้านการขนส่ง ทำให้มีต้นทุนถูกกว่าไทย ซึ่งรัฐบาลไทยควรมีแนวทางสนับสนุนเรื่องการลดต้นทุนค่าขนส่งให้กับผู้ประกอบการไทยในตลาดการค้าออนไลน์ เพื่อให้แข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่ได้อย่างเหมาะสมนั้น กระทรวงอุตสาหกรรมขอชี้แจงว่าความร่วมมือที่รัฐบาลไทยทำกับอาลีบาบา มุ่งเน้นการพัฒนาให้ SMEs ทุกระดับ รวมถึงกลุ่มวิสาหกิจชุมชนและกลุ่มธุรกิจเกษตรทั่วประเทศมีความรู้และทักษะทางด้านดิจิทัลและอีคอมเมริซ์ สามารถเข้าถึงตลาดออนไลน์สู่ประเทศจีนและตลาดสากล โดยอาลีบาบาจะมาช่วยอบรมให้ ผู้ประกอบการมีความรู้เรื่องการตลาดออนไลน์ เพื่อให้สามารถเลือกใช้ผู้บริการ (Service Provider) ที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับตนเองมากที่สุดการปรับปรุงระบบด้านโลจิสติกส์โดยอาศัยเทคโนโลยีของอาลีบาบาจะช่วยให้สามารถส่งสินค้าของ SMEs ไทยไปยังตลาดจีนและตลาดสากลได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เป็นการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับ SMEs ไทยนอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับระบบ e-Commerce และโลจิสติกส์ จะใช้กรณีของ Alibaba เป็น Best Pratice เพื่อร่วมกันปรับปรุงและพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการ e-Commerce และโลจิสติกส์ไทยอย่างต่อเนื่องให้มีมาตรฐานและคุณภาพที่เหนือกว่า Alibaba อีกด้วย 2) ประเด็นที่มีความกังวลว่าอาลีบาบา จะได้ฐานข้อมูล (ดาต้าเบส) ของไทย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค ซึ่งประเด็นนี้ภาครัฐต้องพิจารณาให้เกิดความรัดกุม กระทรวงอุตสาหกรรมขอชี้แจงว่าความร่วมมือที่รัฐบาลไทยทำกับอาลีบาบาทั้ง 4 ฉบับ ไม่มีประเด็นใดที่จะนำออกซึ่งข้อมูลในระบบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะข้อมูลของผู้ประกอบการไทย โดยหน่วยงานต่างๆ ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการปี พ.ศ.2540 อย่างเคร่งครัด อย่างไรก็ตาม หาก SMEs รายใดเลือกที่จะทำตลาดออนไลน์กับอาลีบาบา จะได้ประโยชน์จากข้อมูลการวิเคราะห์ตลาดเป้าหมายผ่านการวิเคราะห์ Data Analitic / Big data ของอาลีบาบาด้วย ทั้งนี้หน่วยงานต่างๆ จะได้นำข้อสังเกตเหล่านี้ไปพิจารณากำกับดูแลข้อมูลของหน่วยงานให้รัดกุมยิ่งขึ้น 3) ประเด็นที่กล่าวว่า การเข้ามาของนายแจ็ค หม่า ทำให้อาลีบาบาได้เปรียบสูง เพราะรัฐบาลต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ จึงสามารถต่อรองกับรัฐบาลไทยเป็นอย่างได้ดี ส่งผลให้สินค้าจีนอาจเข้ามารุกรานสินค้าไทย อัตราการจ้างงานแรงงานในอุตสาหกรรมที่เป็นตัวกลางจะหายไป และโรงงานผู้ผลิตสินค้าในเมืองไทยจะไม่สามารถแข่งขันได้ เนื่องจากจีนมีต้นทุนถูกกว่า นอกจากนี้อาจส่งผลกระทบต่อระบบธนาคาร และอุตสาหกรรม ซึ่งธุรกิจค้าปลีกจะเข้าสู่ตลาดออนไลน์และตกอยู่ในมือชาวต่างชาตินั้น กระทรวงอุตสาหกรรมขอชี้แจงว่าตลาดการค้าออนไลน์เป็นตลาดการค้าเสรี แม้ในปัจจุบันผู้บริโภคคนไทยก็สามารถซื้อสินค้าจากประเทศจีนผ่านทางเว็บไซต์ออนไลน์ได้ในหลากหลายช่องทางอยู่แล้ว ความร่วมมือที่เกิดขึ้นจะช่วยให้ผู้ประกอบการ SMEs ไทยสามารถขายสินค้าได้มากขึ้น ช่วยให้ตลาดจีนและผู้บริโภคชาวจีนที่อยู่ในระบบออนไลน์ซึ่งมีจำนวนกว่า 500 ล้านคนและตลาดของจีนได้รับรู้ถึงศักยภาพของสินค้าและบริการของไทยอีกเหตุผลหนึ่งคือ ยุทธศาสตร์ของรัฐบาลจีนได้เปลี่ยนไปจากเดิมที่เน้นการส่งออก ไปเป็นเน้นการนำเข้าสินค้าและบริการจากต่างประเทศมากขึ้น โดยความร่วมมือของรัฐบาลไทยกับอาลีบาบานั้น ไม่ได้เน้นการนำเข้าสินค้าจากจีนมาบริโภคในประเทศไทย แต่เป็นการสร้างเครื่องมือเพื่อเพิ่มโอกาสให้สินค้าที่มีคุณภาพของไทยสามารถเข้าไปขายในประเทศจีน และประเทศเพื่อนบ้านของไทยในกลุ่ม CLMV มากขึ้น
23 เม.ย. 2561
กสอ.ย้ำไทยไม่เสียเปรียบอาลีบาบา-ไทยมีกม.คุ้มครองดาต้าเบส
กสอ.ย้ำไทยไม่เสียเปรียบอาลีบาบา-ไทยมีกม.คุ้มครองดาต้าเบส
เมื่อวันที่ 22 เมษายน นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม(กสอ.)กระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังมีกระแสข่าวความไม่เข้าใจต่อการที่หน่วยงานภาครัฐ ได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ(เอ็มโอยู) 4 ฉบับกับทางบริษัท อาลีบาบา ทั้งเรื่องการค้าการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) การลงทุนสมาร์ทดิจิทัลฮับในอีอีซี ความร่วมมือด้านการพัฒนาเอสเอ็มอี และบุคลากรด้านดิจิทัล และความความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวผ่านระบบดิจิทัล โดยระบุว่าการลงนามดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทยทั้งในเรื่องโอกาสในการแข่งขันทางการค้า และการตลาด รวมถึงเรื่องของข้อมูลของบริษัทนั้น ขอชี้แจงว่า ความร่วมมือที่รัฐบาลไทยทำข้อตกลงกับอาลีบาบา มุ่งเน้นการพัฒนาให้เอสเอ็มอีทุกระดับ รวมถึงกลุ่มวิสาหกิจชุมชนและกลุ่มธุรกิจเกษตรทั่วประเทศให้มีความรู้และทักษะทางด้านดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซสามารถเข้าถึงตลาดออนไลน์สู่ประเทศจีนและตลาดสากล โดยอาลีบาบาจะมาช่วยอบรมให้ผู้ประกอบการไทยมีความรู้เรื่องการตลาดออนไลน์ เพื่อให้สามารถเลือกใช้ผู้บริการที่มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับตนเองมากที่สุด นอกจากนี้ อาลีบาบาจะนำเทคโนโลนีเข้าช่วยไทยในการปรับปรุงระบบด้านโลจิสติกส์ ให้สามารถส่งสินค้าของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยไปยังตลาดจีนและตลาดสากลได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เป็นการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับระบบอีคอมเมิร์ซ และโลจิสติกส์ จะใช้กรณีของอาลีบาบาเป็นภาคปฏิบัติที่ดีที่สุดในการปรับปรุงและพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซ และโลจิสติกส์ไทยอย่างต่อเนื่องมีคุณภาพและได้มาตรฐาน นายกอบชัยกล่าวว่า สำหรับความกังวลที่ว่าอาลีบาบาจะได้ฐานข้อมูล(ดาต้าเบส) ของไทย ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค ขอชี้แจงว่าไม่มีประเด็นใดที่จะนำออกซึ่งข้อมูลในระบบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะข้อมูลของผู้ประกอบการไทย เพราะหน่วยงานต่างๆต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการปี2540 อย่างเคร่งครัด ซึ่งหากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีรายใดเลือกที่จะทำตลาดออนไลน์กับอาลีบาบาก็จะได้ประโยชน์จากข้อมูลการวิเคราะห์ตลาดเป้าหมายผ่านการวิเคราะห์จากระบบฐานข้อมูลของอาลีบาบาด้วย นายกอบชัยกล่าวด้วยว่า การเข้ามาของนายแจ๊ก หม่า ประธานอาลีบาบา กรุ๊ป จนทำให้นักธุรกิจไทยเกิดความวิตกกังวลนั้น ขอทำความเข้าใจว่า ปัจจุบันตลาดการค้าออนไลน์เป็นตลาดการค้าเสรี ผู้บริโภคคนไทยสามารถเลือกซื้อสินค้าจากประเทศจีนผ่านทางเว็บไซต์ออนไลน์ได้ในหลากหลายช่องทางอยู่แล้ว ซึ่งความร่วมมือที่เกิดขึ้นจะช่วยให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทยสามารถขายสินค้าได้มากขึ้น ช่วยให้ตลาดจีนและผู้บริโภคชาวจีนที่อยู่ในระบบออนไลน์ซึ่งมีจำนวนกว่า 500 ล้านคนรับรู้ถึงศักยภาพของสินค้าและบริการของไทย ที่สำคัญยุทธศาสตร์ของรัฐบาลจีนได้เปลี่ยนไปจากเดิมที่เน้นการส่งออกไป เป็นเน้นการนำเข้าสินค้าและบริการจากต่างประเทศมากขึ้น โดยความร่วมมือของรัฐบาลไทยกับอาลีบาบา ไม่ได้เน้นการนำเข้าสินค้าจากจีนมาบริโภคในประเทศไทย แต่เป็นการสร้างเครื่องมือเพื่อเพิ่มโอกาสให้สินค้าที่มีคุณภาพของไทยสามารถเข้าไปขายในประเทศจีน และประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มซีแอลเอ็มวี(กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม) ได้มากขึ้น
23 เม.ย. 2561
บรรยายพิเศษ โดย นาย วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ในโครงการเสริมสร้างความรู้ในการป้องกันการทุจริตแก่ข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ของส่วนราชการ และข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดพิจิตร ประจำปี 2561
บรรยายพิเศษ โดย นาย วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ในโครงการเสริมสร้างความรู้ในการป้องกันการทุจริตแก่ข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ของส่วนราชการ และข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดพิจิตร ประจำปี 2561
วันจันทร์ที่ 23 เมษายน 2561นางสาวนิรามัย ศิริศรีสุดากุล ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่3 ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ ร่วมรับฟังการบรรยายพิเศษ โดย นาย วีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ในโครงการเสริมสร้างความรู้ในการป้องกันการทุจริตแก่ข้าราชการ พนักงานราชการ ลูกจ้างประจำ ของส่วนราชการ และข้าราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดพิจิตร ประจำปี 2561 ณ อาคารหอประชุม(หลังใหม่) ศาลากลางจังหวัดพิจิตร อ.เมือง จ.พิจิตร
23 เม.ย. 2561