หลังจาก Donald Trump ประธานาธิบดี ฝั่งสหรัฐ มีแผนชัดเจนที่จะเก็บภาษีการนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 25% จากเดิมอยู่ที่ 10% ภายในสัปดาห์นี้ ทำให้พี่จีนก็เตรียมโต้กลับด้วยมาตรการเก็บภาษีจากสินค้าของสหรัฐเหมือนกัน
การที่ Trump เพิ่มเพดานภาษีการนำเข้าสินค้าจากจีน ถือว่าสร้างความกดดันต่อการค้าโลกมาก เพราะละเมิดกฎขององค์การการค้าโลก (World Trade Organization-WTO) และกระทบต่อการส่งออกของจีน ทำให้ล่าสุดจีนเลยตั้งกำแพงภาษีโต้กลับ เริ่มที่ 5% สูงสุด 25%
ในปักกิ่งมีความเห็นกันว่า คณะรัฐบาลของ Trump มุ่งที่จะทำนโยบายเพื่อคนรวย ต่างจากคณะรัฐบาลจีนไม่ต้องกังวลว่าภาษีจะส่งผลกระทบต่อคะแนนประชานิยมเหมือน Trump เพราะจีนไม่มีการเลือกตั้ง ทำให้ Xi Jinping ประธานาธิบดีจีน สามารถเลือกอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากภาษีของสหรัฐ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเสียเงินสนับสนุนทางการเมืองจากอุตสาหกรรมไหน
ขณะเดียวกันทางสหรัฐ มองว่าการขึ้นภาษีของจีนถือว่าเป็นไปตามที่คาดการณ์ กลุ่มบริษัทด้านการเกษตรของสหรัฐ ที่ต้องการรักษาข้อตกลง NAFTA (The North American Free Trade Agreement) และลดอัตราภาษีศุลกากรของอเมริกาบอกว่า การประกาศเพิ่มภาษีของจีนไม่ได้เซอร์ไพรส์ มันก็เหมือนเดจาวูที่เกิดขึ้นอีกครั้ง เพราะทุกครั้งเมื่อเราจะตั้งกำแพงภาษี จีนก็ไม่เคยพลาดที่จะตั้งกำแพงภาษีโต้กลับเหมือนกัน
ฝั่งทำเนียมขาวยังไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนแปลงเรื่องกำแพงภาษีแต่อย่างใด ซึ่ง Larry Kudlow chief economic adviser ทำเนียบขาว บอกว่า เราพูดหลายครั้งว่าไม่มีภาษี ไม่มีการตั้งกำแพงภาษี ไม่มีเรื่องเงินอุดหนุน เราอยากเห็นการปฏิรูปการค้าเกิดขึ้น ซึ่งจีนไม่ได้สนับสนุนให้เกิดขึ้น
“เศรษฐกิจของเขาอ่อนเอง ค่าเงินหยวนเขาก็อ่อนแอ ประชาชนกำลังไหลออกจากประเทศเขา ส่วนตอนนี้พูดได้เลยว่าอย่าประมาทความตั้งใจของประธานาธิบดี Trump ที่จะทำให้แผนต่างๆ สำเร็จ”
สรุป
จีนตั้งกำแพงภาษีสู้สหรัฐฯ วางแผนเก็บภาษีจากสินค้าสหรัฐ 5-25% รวมมูลค่า 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าหากทั้งสหรัฐฯ และจีนยังตอบโต้ภาษีระหว่างกัน จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ขณะเดียวกันหลายคนมองว่าสหรัฐฯ อาจจะไม่เอาจริงเพราะ Trump พูดเรื่องภาษีเพื่อดึงคะแนนเสียงในการเลือกตั้ง Mid-term ช่วงปลายปี แต่ก็ต้องจับตากันต่อไป
CR : BRANDINSIDE.ASIA