เมื่อแบงก์กลายเป็น Data Company เขาใช้ข้อมูลลูกค้าทำอะไรได้บ้าง ?
เมื่อแบงก์กลายเป็น Data Company เขาใช้ข้อมูลลูกค้าทำอะไรได้บ้าง ? ในยุคดิจิทัล ไม่ว่าอะไรก็กลายเป็น Data (ข้อมูล) ได้ และกลายเป็นจุดวัดใจที่ใครมีมากกว่าวิเคราะห์ และปรับใช้กับลูกค้าได้มากกว่า คนนั้นก็ชนะไป แล้วธนาคารที่เรียกว่าเป็นตัวกลางที่เราไว้ใจทำธุรกรรมการเงินด้วย เขาสามารถใช้ข้อมูลลูกค้าที่มีอยู่ทำอะไรได้บ้าง ฐานข้อมูลของธนาคารใหญ่แค่ไหน ? ฐากร ปิยะพันธ์ ผู้บริหารสายงานดิจิทัล แบงก์กิ้งและนวัตกรรม ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และประธานกรรมการ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ บอกว่า ในโลกธุรกิจ ภาคการเงินถือว่ามีถังข้อมูลขนาดใหญ่มาก เพราะจากประชากรไทยทั้งหมดกว่า 67 ล้านคน แต่ในภาพรวมไทยเรามีบัญชีธนาคารกว่า 81 ล้านบัญชี มีจำนวนบัตรเดบิต (ส่วนใหญ่ไว้กดเงินแทนเอทีเอ็ม) 51 ล้านใบ และมีจำนวนบัตรเครดิต 21 ล้านใบ ซึ่งผลิตภัณฑ์ทางการเงินแต่ละอย่างทั้งบัญชีธนาคาร บัตรเครดิต บัตรเดบิต ฯลฯ เมื่อลูกค้าทำธุรกรรมการเงินผ่านผลิตภัณฑ์ตัวไหน ก็ทำให้เกิดข้อมูลใหม่ๆ ขึ้น และธนาคารจะมาจัดหมวดเป็นข้อมูลชุดต่างๆ เช่น พฤติกรรมการใช้จ่าย พฤติกรรมการออม การเลือกใช้โปรโมชั่น ช่วงเวลาที่ทำธุรกรรม ฯลฯ “แม้ว่าจำนวนบัญชีจะมากกว่าจำนวนประชากรไทยไปสักหน่อย แต่ผมมองว่ามีคนไทยเข้าถึงบริการธนาคารเพียง 75% ของประชากรไทยทั้งหมด เลยยังมีช่องว่างให้เราต้องเข้าไปตอบสนองความต้องการ และทำให้คนที่ยังเข้าไม่ถึง เข้าถึงเรื่องการเงินให้ได้” ธนาคารใช้ข้อมูลลูกค้าที่มีอยู่ทำอะไรได้บ้าง ? เมื่อธนาคารกลายเป็น Data company หัวใจหลักคือการเก็บข้อมูลที่อยู่นอกระบบ ใส่เข้ามาในระบบ เพื่อวิเคราะห์ หาสิ่งที่จะตรงใจ ตรงเวลา และตรงความต้องการของลูกค้า “ทุกวันนี้ธนาคารทั้งหลายมีข้อมูลอยู่เยอะมาก แต่ใช้น้อยมาก เพราะเรายังทำเรื่อง Infrastructure (โครงสร้างพื้นฐาน) ได้ไม่ครบ โดยยังขาดข้อมูลที่เรียกว่า UnInfrastructure เลยต้องค่อยๆ เพิ่มข้อมูลกลุ่มนี้เข้ามาในระบบ เช่น เสียงของลูกค้าเพื่อใช้ในการระบุตัวตน การปรับข้อความที่อยู่ในระบบอื่นๆ อย่างลูกค้าแชทถามผ่านโซเชียลมีเดีย ก็ต้องแปลงข้อมูลพวกนี้เข้ามาวิเคราะห์ในระบบได้ ก็จะต้องทำเรื่อง API (Application Programing interface) เพื่อเชื่อมระหว่างระบบ ฯลฯ ” นอกจากนี้ Data ยังต่อยอดให้เป็น Commercialize ได้ด้วย แต่เราต้องทำอีกเยอะในเรื่องการแบ่งส่วนข้อมูล ว่า ข้อมูลอะไรที่เปิดเผยต่อสาธารณะ และข้อมูลที่ต้องอยู่ในระบบปิด ซึ่งต้องดูทั้งเรื่องกฎหมาย และเงื่อนไขของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) “ในต่างประเทศ ธนาคารใหญ่ๆ ทั้งในยุโรป และสหรัฐฯ พอเขามีข้อมูลเยอะ เขาก็มีการแชร์ มีการขายออกมา เช่น เรื่องพฤติกรรมลูกค้า เพื่อให้คนที่ต้องการเข้าใจผู้บริโภคมากขึ้น หรือมีการแชร์ Bonus Point ต่างๆ เช่น ลูกค้าใช้อยู่หลายธนาคาร แต่ละที่ก็มีคะแนนที่ได้จากธุรกรรมเก็บไว้ แบงก์ก็เปิดโอกาสให้เอาคะแนนของหลายๆ มาเทรวมกันได้ อันนี้ที่ไทยก็มีคนทำ ซึ่งเกิดขึ้นจากความต้องการของลูกค้า” การเปิดเผย และความปลอดภัยข้อมูลลูกค้า แต่สุดท้ายแล้ว การเปิดเผยข้อมูลของลูกค้า ยังมีข้อจำกัด ขึ้นอยู่กับกฎหมายของแต่ละประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่จะทำเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้แก่ตัวลูกค้าอยู่แล้ว โดยธนาคารทุกที่ก็พยายามอย่างเต็มที่ ที่จะทำระบบรักษาความปลอดภัย ป้องกันการโจรกรรมข้อมูล และเผยแพร่ข้อมูลเฉพาะที่กฏหมายกำหนดให้ทำได้เท่านั้น สรุป เมื่อธนาคารกลายเป็นถังข้อมูลขนาดใหญ่ เขาต้องปรับตัวใช้ทั้งข้อมูลพฤติกรรมลูกค้ามาวิเคราะห์ เพื่อสร้างของใหม่ๆ หรือทำของที่มีอยู่ให้ดีขึ้น แต่หลายคนยังกังวลเรื่องข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้กำกับของแต่ละประเทศว่ามีพาวเวอร์แค่ไหน ที่มา : brandinside.asia
13 ส.ค 2561
Trade war : จีนสู้กลับ เพิ่มกำแพงภาษีสินค้า US 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ตั้งแต่เหล้าถึงซิป
Trade war : จีนสู้กลับ เพิ่มกำแพงภาษีสินค้า US 6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ตั้งแต่เหล้าถึงซิป หลังจาก Donald Trump ประธานาธิบดี ฝั่งสหรัฐ มีแผนชัดเจนที่จะเก็บภาษีการนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 25% จากเดิมอยู่ที่ 10% ภายในสัปดาห์นี้ ทำให้พี่จีนก็เตรียมโต้กลับด้วยมาตรการเก็บภาษีจากสินค้าของสหรัฐเหมือนกัน จีนเตรียมเก็บภาษีเพิ่มจากสินค้าสหรัฐกว่า 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐ การที่ Trump เพิ่มเพดานภาษีการนำเข้าสินค้าจากจีน ถือว่าสร้างความกดดันต่อการค้าโลกมาก เพราะละเมิดกฎขององค์การการค้าโลก (World Trade Organization-WTO) และกระทบต่อการส่งออกของจีน ทำให้ล่าสุดจีนเลยตั้งกำแพงภาษีโต้กลับ เริ่มที่ 5% สูงสุด 25% สินค้าสหรัฐประมาณ 650 รายการ จะเก็บภาษีที่ 5% เช่น อะไหล่แทร็คเตอร์, เครื่องวัดความเร็ว, ฟอร์มาลีน ฯลฯ สินค้าสหรัฐเกือบ 1,000 รายการ จะเก็บภาษีที่ 10% เช่น กระดาษทราย, เนยถั่ว, optical cables ฯลฯ สินค้าสหรัฐ 1,078 รายการ จะเก็บภาษีที่ 20% เช่น กระติกน้ำเก็บความร้อน, หมากฝรั่ง, แปรงสีฟัน ฯลฯ สินค้าสหรัฐเกือบ 2,500 รายการ จะเก็บภาษีที่ 25% เช่น cocoa butter, tequila, ซิป, ไวน์, เครื่องหนัง, ผงซักฟอก, ถุงกระดาษ ฯลฯ สหรัฐ – จีน สวนหมัดต่อหมัดตั้งกำแพงภาษีใส่กัน ในปักกิ่งมีความเห็นกันว่า คณะรัฐบาลของ Trump มุ่งที่จะทำนโยบายเพื่อคนรวย ต่างจากคณะรัฐบาลจีนไม่ต้องกังวลว่าภาษีจะส่งผลกระทบต่อคะแนนประชานิยมเหมือน Trump เพราะจีนไม่มีการเลือกตั้ง ทำให้ Xi Jinping ประธานาธิบดีจีน สามารถเลือกอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากภาษีของสหรัฐ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเสียเงินสนับสนุนทางการเมืองจากอุตสาหกรรมไหน ขณะเดียวกันทางสหรัฐ มองว่าการขึ้นภาษีของจีนถือว่าเป็นไปตามที่คาดการณ์ กลุ่มบริษัทด้านการเกษตรของสหรัฐ ที่ต้องการรักษาข้อตกลง NAFTA (The North American Free Trade Agreement) และลดอัตราภาษีศุลกากรของอเมริกาบอกว่า การประกาศเพิ่มภาษีของจีนไม่ได้เซอร์ไพรส์ มันก็เหมือนเดจาวูที่เกิดขึ้นอีกครั้ง เพราะทุกครั้งเมื่อเราจะตั้งกำแพงภาษี จีนก็ไม่เคยพลาดที่จะตั้งกำแพงภาษีโต้กลับเหมือนกัน ฝั่งสหรัฐฯ ย้ำเศรษฐกิจจีน-ค่าเงินหยวนอ่อนแอเอง ? ฝั่งทำเนียมขาวยังไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนแปลงเรื่องกำแพงภาษีแต่อย่างใด ซึ่ง Larry Kudlow chief economic adviser ทำเนียบขาว บอกว่า เราพูดหลายครั้งว่าไม่มีภาษี ไม่มีการตั้งกำแพงภาษี ไม่มีเรื่องเงินอุดหนุน เราอยากเห็นการปฏิรูปการค้าเกิดขึ้น ซึ่งจีนไม่ได้สนับสนุนให้เกิดขึ้น “เศรษฐกิจของเขาอ่อนเอง ค่าเงินหยวนเขาก็อ่อนแอ ประชาชนกำลังไหลออกจากประเทศเขา ส่วนตอนนี้พูดได้เลยว่าอย่าประมาทความตั้งใจของประธานาธิบดี Trump ที่จะทำให้แผนต่างๆ สำเร็จ” สรุป จีนตั้งกำแพงภาษีสู้สหรัฐฯ วางแผนเก็บภาษีจากสินค้าสหรัฐ 5-25% รวมมูลค่า 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าหากทั้งสหรัฐฯ และจีนยังตอบโต้ภาษีระหว่างกัน จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ขณะเดียวกันหลายคนมองว่าสหรัฐฯ อาจจะไม่เอาจริงเพราะ Trump พูดเรื่องภาษีเพื่อดึงคะแนนเสียงในการเลือกตั้ง Mid-term ช่วงปลายปี แต่ก็ต้องจับตากันต่อไป CR : BRANDINSIDE.ASIA
05 ส.ค 2561
ราคาคือหัวใจหลัก เจาะลึกการตลาด IKEA ในอินเดีย ต้องทำให้คนเชื่อว่าของถูกจริงๆ
ราคาคือหัวใจหลัก เจาะลึกการตลาด IKEA ในอินเดีย ต้องทำให้คนเชื่อว่าของถูกจริงๆ IKEA เข้าไปทำตลาดในอินเดียเมื่อกลางเดือนกรกฎาคม หนึ่งในกลยุทธ์การตลาดที่ IKEA ได้เข้าไปศึกษามาหลายปีในอินเดีย ทำให้เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคในอินเดียอย่างลึกซึ้ง ลองดูได้จากการทำโฆษณาชิ้นแรกที่ส่งออกมา รู้หรือไม่ว่า ก่อนหน้าที่ IKEA จะเข้าไปเปิดสาขาแรกในไฮเดอราบัด ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 19 กรกฏาคมที่ผ่านมา IKEA ทำวิจัยเจาะลึกตลาดผู้บริโภคอินเดียกว่า 3 ปี เข้าไปทำการศึกษาคนอินเดียในบ้านต่างๆ กว่า 1,000 ครัวเรือน IKEA เริ่มต้นด้วยการทำการตลาดแบบ 360 องศาผ่านสื่อรูปแบบต่างๆ ทั้งสื่อทีวี สื่อนอกบ้าน ออนไลน์ และการทำแคมเปญอีเว้นท์ โดยปล่อยออกมาสู่สาธารณะตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม (2 สัปดาห์ก่อนที่จะเปิดสาขาอย่างเป็นทางการ) ตัวโฆษณาเน้นไปที่การทำให้คนอินเดียรู้จักแบรนด์ IKEA เป็นหลัก และทำให้เห็นว่าเป็นทุกอย่างในบ้านได้ ตั้งแต่อำนวยความสะดวกในการทำอาหาร การพักผ่อน ไปจนถึงการจัดงานเลี้ยง ทุกอย่างจบและครบได้ด้วย IKEA การเข้าไปศึกษาวิถีชีวิตของคนอินเดีย จึงทำให้โฆษณาของ IKEA ตอบโจทย์ปัญหาของคนอินเดียได้ดี โดยเฉพาะเรื่องของการจัดการพื้นที่ในบ้านและการทำให้บ้านสะอาดสะอ้าน เป็นระเบียบมากขึ้น การเข้าถึงตลาดท้องถิ่นอย่างลึกซึ้งเป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจ โดย IKEA พบหัวใจของเรื่องราวทั้งหมดอีกอย่างหนึ่งของตลาดอินเดียคือเรื่องของ “ราคา” Ulf Smedberg ผู้จัดการการตลาดของ IKEA ในอินเดียบอกว่า นอกจากที่จะทำให้คนอินเดียรู้จักแบรนด์ของเราแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญคือการทำให้คนอินเดียรู้สึกว่าสามารถเป็นเจ้าของสินค้าของ IKEA ได้ “ผู้คนจะไม่เชื่อว่าสินค้าของเขามีราคาถูก ถ้าเราไม่บอกเขา” IKEA อินเดียจะมีสินค้ากว่า 1,000 ชิ้นที่ขายในราคาต่ำกว่า 200 รูปี (96 บาท) “สำหรับคนอินเดียแล้ว ถ้าไม่รู้สึกว่าของมีราคาถูก พวกเขาก็จะไม่ซื้อสินค้านั้นๆ”
31 ก.ค. 2561
7 สิ่งควรรู้และลงมือทำก่อนบุกตลาดจีนทางออนไลน์
7 สิ่งควรรู้และลงมือทำก่อนบุกตลาดจีนทางออนไลน์ เป็นคำถามที่มักพบเป็นประจำว่า หากมีความสนใจจะส่งสินค้าไปขายประเทศจีนต้องทำอย่างไร ประเด็นนี้สิ่งสำคัญอันดับแรกๆ ไม่ใช่แค่การมองสภาพตลาด แต่ต้องรู้ว่ามีอะไรอยู่ในมือ จากนั้นจึงค่อยดำเนินการคู่ขนานในการศึกษาและหาเครื่องมือหรือช่องทางจัดจำหน่าย พร้อมๆ ไปกับโฟกัสกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน เริ่มที่ 1.มีสินค้าอะไร คุณภาพดีจริงไหม สงครามราคาคือสิ่งที่ต้องเผชิญแน่นอน ไม่เพียงเท่านั้น จีนยุคนี้ ให้ความสำคัญกับคุณภาพสินค้าด้วย คนจีนนิยมเข้าไปค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตหรือในโซเชียลเพื่อตรวจสอบราคาสินค้า ไปจนถึงตรวจสอบชื่อแบรนด์ และความน่าเชื่อถือ สำหรับกรณีที่มีสินค้าอยู่แล้วนั่นก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าเป็นผู้ประกอบการที่เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจ หรือต้องการมองหาสินค้าและผลิตภัณฑ์อื่นๆ คำแนะนำที่ยังคงใช้ได้ดีเสมอคือ ควรเป็นสินค้ากลุ่มบริโภคและอุปโภค เพราะเป็นของที่ใช้แล้วหมดไปในแต่ละวันหรือแต่ละเดือน ซึ่งคนจีนทุกมณฑลมีความต้องการอยู่สูงมาก อาทิ อาหารสด อาหารแห้ง ผลไม้ ขนมขบเคี้ยว เครื่องสำอาง เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ในครัวเรือนฯลฯ 2.ช่องทางจำหน่ายและอีคอมเมิร์ซคือเครื่องมือที่จำเป็น ปฏิเสธไม่ได้ว่า อีคอมเมิร์ซเป็นยิ่งกว่าช่องทางจัดจำหน่าย ทั้งกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันคนจีน ยิ่งผู้คนใช้โทรศัพท์มือถือกันมากขึ้นเท่าไหร่ ก็มีโอกาสที่จะเข้าไปจับจ่ายซื้อสินค้ามากขึ้นเท่านั้น ปัจจุบันจีนมีแอพพลิเคชั่นและแพลตฟอร์มสำหรับให้เลือกใช้จำนวนมากตามประเภทของสินค้าและกลุ่มเป้าหมายหลักของสินค้า ดังนั้นการเลือกใช้ให้เหมาะสมมีความจำเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ การเลือกหาบริษัทที่เป็นตัวแทนจำหน่ายก็สำคัญไม่แพ้กัน ทุกวันนี้มีบริษัทตัวแทนให้เลือกใช้บริการจำนวนมาก แต่ก็มีข้อควรระวังในเรื่องความน่าเชื่อถือ จำเป็นต้องตรวจสอบให้ละเอียด จีนไม่ใช่ตลาดเดียวกัน 3.กลุ่มตลาดคือใคร จะเข้ามณฑลไหน ทราบหรือยังว่าจะขายสินค้าให้กับใคร กลุ่มไหน หรือมุ่งที่เมืองใด มณฑลใด เหตุที่บริษัทยักษ์ใหญ่หลายรายจากโลกตะวันตกพลาดท่าในการบุกตลาดจีนก็เพราะความเข้าใจผิดเกี่ยวกับตลาดเนื่องจาก “จีนไม่ใช่ตลาดเดียวกันทั้งหมด” 4.ทำให้การค้นหาสินค้าหรือเพจขึ้นอันดับต้นๆ ที่เว็บไซต์ไป่ตู้(Baidu) ซึ่งเปรียบได้กับระบบค้นหาของกูเกิลสำหรับคนจีน กลยุทธ์ที่แนะนำคือ ควรเพิ่มการทำ “SEARCH ENGINE OPTIMIZATION(SEO)” เพื่อให้มีอันดับที่ดีขึ้น ผู้บริโภคจะได้ค้นหาพบในหน้าแรกๆ หลักการก็คือ หลังจากเริ่มสร้างเว็บไซต์ของตนเองสำหรับขายสินค้าแล้ว จำเป็นต้องทำตลาดหรือกระตุ้นผ่านทางเว็บของจีนด้วย โดยจะต้องทำเอสอีโอเพื่อให้เว็บอยู่ในอันดับต้นๆ จากการค้นหา ปัจจุบันไป่ตู้มีเว็บไซต์ในเครือจำนวนไม่น้อย อาทิ Baidu Zhidao (Q&A), Baidu Baike (Wikipedia), Baidu Tieba (Forum) 5.โซเชียลต้องมา!!! ช่องทางอย่างวีแชท(WECHAT) และเว่ยป๋อ(WEIBO) จำเป็นอย่างมาก ถ้าต้องการขยายตลาดให้รวดเร็วที่สุด และอยู่ในกระแสของคนจีน โดยเป้าหมายของการสร้างช่องทางเหล่านี้ก็เพื่อทำให้เกิดชุมชนหรือคอมมูนิตี้สำหรับผู้บริโภคหรือผู้สนใจในสินค้านั้นๆ ไปจนถึงการสร้าง ONLINE BRANDING ปัจจุบัน สื่อโซเชียลของจีนที่มีจำนวนผู้ใช้งานและนิยมมากที่สุดก็คือสองแพลตฟอร์มดังกล่าว วีแชทนับเป็นแอพพลิเคชั่นที่สำคัญของบริษัทเทนเซนต์ซึ่งขณะนี้ได้รับความนิยมสูงสุดในการเป็นแอพแชทอันดับหนึ่งของจีน นอกจากใช้พูดคุยติดต่อสื่อสารหรือส่งภาพและวีดีโอได้เหมือนกับไลน์ ยังสามารถสร้างชุมชนเพื่อใช้สำหรับโปรโมทสินค้าหรือแบรนด์ได้ด้วย ล่าสุดปี 2561 มีผู้ใช้งานมากกว่า 1 พันล้านคนในประเทศจีน สำหรับเว่ยป๋อ เป็นสื่อโซเชียลที่มีผู้ใช้มากที่สุดในประเทศจีน ซึ่งมีรายงานว่าเมื่อปี 2560 มียอดผู้ใช้งานมากกว่า 100 ล้านคนต่อวัน ที่น่าสนใจมีรายงานด้วยว่า ที่ผ่านมาการทำตลาดผ่านเว่ยป๋อ ทำรายได้รวมแล้วมากกว่า 2 หมื่นล้านหยวน เดินไปตามกรอบ ประการที่ 6.การขอจดทะเบียนตั้งบริษัทในจีน อันที่จริงขั้นตอนนี้ขอได้ไม่ยากนัก เพราะทางการจีนในแต่ละมณฑลค่อนข้างสนับสนุนการเข้ามาลงทุนจากต่างชาติอยู่แล้ว ซึ่งการจดทะเบียนเพื่อตั้งบริษัทก็มีเทคนิคอยู่บ้าง เช่น ขอจดเพื่อตั้งบริษัทในบริเวณนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่นอกเมืองซึ่งจะช่วยเอื้อประโยชน์บ้างด้านได้ เช่น ขอลดภาษี แล้วจึงเข้ามาตั้งสำนักงานสาขาในเขตตัวเมือง เป็นต้น 7.การขออนุญาตนำเข้า สำหรับขั้นตอนนี้ ที่จริงไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก แต่เป็นเรื่องที่ต้องตรวจสอบอย่างละเอียด เนื่องจากมีผลิตภัณฑ์บางประเภทจะมีการจำกัดโควต้าเอาไว้ แม้ว่ารัฐบาลจีนจะลดการจำกัดสินค้านำเข้ามาในปี 2561 นี้แล้วก็ตาม ขั้นตอนนี้จะเริ่มจากการขออนุญาตสำหรับฉลากสินค้า(คล้ายกับการขอ อย.) ซึ่งควรต้องนำไปแปลเป็นภาษาอังกฤษด้วย รวมถึงต้องนำตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่มีฉลากระบุ วันผลิต วันหมดอายุ ส่วนประกอบ เพื่อไปยื่นขอรับรองผลิตภัณฑ์ ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 1-3 เดือน จากนั้นนำใบรับรองฉลากไปยื่นขอนำเข้าสินค้าที่ด่านศุลกากร สำหรับขั้นตอนสุดท้าย ทางเจ้าหน้าที่จะมีการขอนำสินค้าไปตรวจสอบความปลอดภัย เมื่อทุกอย่างผ่านกระบวนการเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถดำเนินการจำหน่ายสินค้าในจีนได้เลย CR : ข่าวสาร bangkokbiznewsCR : ภาพ digitalinnovationasia
23 ก.ค. 2561
โลก IG แห่แชร์ เมื่อของตกแต่งบ้านกลายเป็นศิลปะตกแต่งเมือง จัด Product-Centric ให้เชื่อม OFFLINE สู่ ONLINE
โลก IG แห่แชร์ เมื่อของตกแต่งบ้านกลายเป็นศิลปะตกแต่งเมือง จัด Product-Centric ให้เชื่อม OFFLINE สู่ ONLINE การตลาดบน อินสตาแกรม(Instgram) ดึงดูดผู้ชมด้วยรูปภาพสวยๆ เป็นหลัก ส่วนมากที่แบรนด์โพสต์จะเน้นแสดงความโดดเด่นจากตัวสินค้า หรือ Product-Centric แต่แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จ จะผสมผสานวัฒนธรรมของแบรนด์ หรือ Culture-Centric สร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และ user แบรนด์สินค้าเครื่องใช้ของตกแต่งบ้าน HomeGoods ใช้ผืนผ้าใบของอินสตาแกรม ถ่ายทอดแนวคิดและความสวยงามของสินค้าได้อย่างงดงามลงตัว และแตกต่างท่ามกลางคลื่นคอนเท้นท์มหาศาลในอินสตาแกรม ในแคมเปญ #GoFinding โดย McCann New York เพราะ HomeGoods มีของใช้ตกแต่งบ้านมากมายนับพันชิ้น ชิ้นไหนที่พูดกับคุณล่ะ หามันให้เจอสิ! คือแนวคิดหลักของแคมเปญนี้พวกเขาสร้าง Art Installation งานศิลปะจากสิ่งของเครื่องใช้ ใน 3 โลเกชั่น ที่โดดเด่นสะดุดตา โคมไฟ หลากหลายดีไซน์ จัดเรียงไปกับขอบฟ้ายามค่ำคืนของมหานครนิวยอร์ค… กรอบรูปนับร้อยเฟรมที่ไม่เหมือนกันสักเฟรม ทำให้ท้องฟ้าในเท็กซัส เปลี่ยนไป คุณจะเลือกมองจากกรอบไหน… และ กระจกหลากรูปทรง วางเป็นทางเดินของท้องฟ้าสวยของ Valley of Fire State Park ในเนวาดา งานอาร์ตเหล่านี้ คือ prop ชั้นเอก ชวนให้ผู้คนที่พบผ่าน หยิบสมาร์ทโฟน แชะ- โพสต์ – แชร์ สู่โลกอินสตาแกรม ทำให้แคมเปญนี้ สวยงามครบสูตรจาก OFFLINE สู่ ONLINE ได้ PRODUCT-CENTRIC, CULTURE-CENTRIC, และยังได้ USER-GENERATED CONTENT-CENTRIC อีกด้วย
16 ก.ค. 2561
303 ดีไซน์เนอร์หน้าใหม่ กับ งานดีไซน์ ‘สดใหม่’ จากเด็ก DEC ศิลปากร..พร้อมทำงาน !
303 ดีไซน์เนอร์หน้าใหม่ กับ งานดีไซน์ ‘สดใหม่’ จากเด็ก DEC ศิลปากร..พร้อมทำงาน ! เมื่อนักศึกษาปริญญาตรีกำลังจะสำเร็จการศึกษา พร้อมสู่โลกการทำงานจริง แต่จะทำอย่างไรให้นศ.มีงานทำทันทีหลังเรียนจบ ? คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ปิ๊งไอเดียเก๋จัดงาน 303 ATTRA : DEC Graduate Exhibition 2018 (303 อัตรา :งานนิทรรศการแสดงผลงานศิลปนิพนธ์ของนักศึกษาคณะมัณฑนศิลป์มหาวิทยาลัยศิลปากร ครั้งที่ 48) เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อโชว์ฝีไม้ลายมือของเด็ก DEC รั้วเขียวเวอร์ริเดียนให้โลกรู้ว่าเจ๋งเพียงใด องค์กรหรือบริษัทไหนก็รับเข้าไปทำงานได้เลย หมายเลข 303 คือ จำนวนเด็กนักศึกษาฯที่กำลังจะจบ และเป็นอัตรางานที่ว่าง ภายในงานแบ่งผลงานออกเป็น 7 ตำแหน่ง คือ Fashion (นักออกแบบเครื่องแต่งกาย) , Jewelry (นักออกแบบเครื่องประดับ) , Ceramics (นักออกแบบเครื่องเคลือบดินเผา) , Applied (นักออกแบบประยุกต์ศิลป์) , Products (นักออกแบบผลิตภัณฑ์) , Viscom (นักออกแบบนิเทศศิลป์) , Interior (นักออกแบบตกแต่งภายใน) อยากได้คนไหนไปทำงานก็จิ้มไปได้เลย ที่อีเมลล์ส่วนตัวแต่ละคน ตัวอย่างผลงานที่น่าสนใจ Fashion : IN/UNCOMMON การนำสิ่งของรอบตัวมาใช้ในการออกแบบอย่างผิดวิสัย “แนวคิดในการสร้างคอเลคชั่นนี้เกิดจากการศึกษาพฤติกรรมและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวญี่ปุ่น ที่สร้างความรู้สึกแปลกใหม่ ตลกขบขันให้แก่ผู้พบเห็น โดยได้ทำการศึกษารวบรวมข้อมูล และเลือกเรื่องราวที่สนใจเป็นพิเศษ แล้วค้นพบว่าความแปลกใหม่นี้เกิดจากการนำสิ่งของรอบตัวมาใช้แทนที่กันแบบผิดวิสัย เช่น การแทนที่ อ่างออนเซ็น(Onsen) กับชามบะหมี่ขนาดยักษ์ เพื่อเป็นสีสันและสร้างจุดเด่นทางการค้า หรือ การแต่งตัวในงานเลี้ยงที่นำขวดน้ำอัดลมมาประดับบนศีรษะ โดยแทนที่สีผมกับสีน้ำอัดลม เป็นต้น ข้าพเจ้าได้วิเคราะห์การแทนที่ของสิ่งเหล่านี้ว่ามีการนำมาแทนเพราะมีการใช้งาน (Function) สี (Colour) และองค์ประกอบอื่นๆ ที่คล้ายกัน จึงนำมาซึ่งแนวคิดการแทนที่สิ่งของกับเสื้อผ้า และข้าพเจ้าได้สร้างขอบเขตของงานออกแบบนี้โดยการ นำเอาของใช้รอบตัวมาแทนที่กับไอเทมเสื้อผ้า (Item) โดยที่ให้งานออกแบบคอเลคชั่นนี้เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ และตลกขบขันเช่นกัน” คลิกดูผลงานทั้งหมดในตำแหน่ง Fashion Jewelry : โครงการออกแบบเครื่องประดับที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องทองเพชรบุรีผสมผสานงานประดับอาร์ตนูโวของพระรามราชนิเวศน์วังบ้านปืน ในปัจจุบัน การทำทองโบราณของจังหวัดเพชรบุรีน่าเป็นห่วง สืบเนื่องจากอาชีพช่างทำทองไม่นิยมในหมู่วัยรุ่น ส่วนหนึ่งเพราะ เป็นงานทำมือ การฝึกช่างคนหนึ่งต้องใช้เวลานานและอาศัยความอดทน จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หาช่างทำทองยากขึ้นเรื่อยๆ อีกประการหนึ่งคือ ช่างทำทองโบราณเพชรบุรีบางส่วนยังมีปัญหาไม่ยอมปรับเปลี่ยนหรือประยุกต์การทำรูปแบบทองให้ทันสมัยขึ้น บางคนอนุรักษ์นิยมมากเกินไป ทำให้งานทองเพชรบุรียังย่ำอยู่กับที่ ไม่ได้รับการต่อยอดหรือพัฒนาสู่สากลเท่าที่ควร หากปล่อยให้เกิดปัญหาเหล่านี้ต่อไปเรื่อยๆ ก็อาจทำให้งานประณีตศิลป์อันเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดเพชรบุรี เลือนหายไปในไม่ช้า ข้าพเจ้าในฐานะนักออกแบบเครื่องประดับและเป็นผู้ที่มีภูมิลำเนาในจังหวัดเพชรบุรี ข้าพเจ้าต้องการออกแบบเครื่องประดับเพื่อสืบสานไม่ให้งานประณีตศิลป์แขนงนี้เลือนหายไป โดยจะนำเอาเทคนิคและลวดลายบนเครื่องทองมาประยุกต์ผสมผสานเข้ากับรูปแบบงานประดับอาร์ตนูโวอันได้จากพระราชวังบ้านปืน ซึ่งเป็นสถานที่ในท้องถิ่นที่ข้าพเจ้าพบเห็นตั้งแต่ครั้งยังเป็นเด็ก โดยการจัดการด้านองค์ความรู้ทางทัศนศิลป์ การออกแบบให้มีสุนทรียะ และยังคงมีเอกลักษณ์ของเครื่องทองเพชรบุรี ที่มีความละเอียดลออของลวดลายไว้ คลิกดูผลงานทั้งหมดในตำแหน่ง Jewelry Ceramics : ABOVE THE SURFACE OF THE EARTH ภาชนะจากบรรยากาศบนท้องฟ้า “ท้องฟ้าเป็นสีสันของธรรมชาติที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ตามฤดูกาลและช่วงเวลา ไม่มีที่สิ้นสุด พระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก เกิดขึ้นในทุกๆวัน แต่ละวันบรรยากาศของท้องฟ้ามีความสวยงาม และให้ความรู้สึกที่ต่างกันไป ขณะที่ท้องฟ้ากำลังเปลี่ยนสี การจ้องมองท้องฟ้าทำให้เกิดจินตนาการ และความสงบเหมือนเวลาได้หยุดนิ่ง ละทิ้งจากความวุ่นวายต่างๆ จากความประทับใจในบรรยากาศบนท้องฟ้า และสีสันในช่วงเวลาต่างๆ ข้าพเจ้าจึงนำดินมาจัดองค์ประกอบเป็นลวดลายตามเทคนิคที่ข้าพเจ้าสนใจ ซึ่งเป็นเทคนิคตัดต่อดินสี ในรูปแบบภาชนะเครื่องเคลือบดินเผา โดยใช้ดินสีสโตนแวร์ เผาที่อุณหภูมิ 1220 °C” คลิกดูผลงานทั้งหมดในตำแหน่ง Ceramics Applied :Wonders of Forest มหัศจรรย์แห่งป่า เมื่อเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานในชีวิตประจำวัน การได้ออกไปพักผ่อน สัมผัสกับธรรมชาติจะช่วยทำให้จิตในผ่อนคลายข้าพเจ้าจึงนำความประทับใจ ความรู้สึก และจินตนาการจาก ความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้มาออกแบบเป็นผลงานศิลปะสิ่งทอที่มีความสวยงามควบคู่ไปประโยชน์ใช้สอย เช่น ที่นั่ง ที่นอน หรือโคมไฟประดับ เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความสดชื่น ชุ่มชื้นภายในบ้าน เหมือนได้พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติที่เขียวชะอุ่มของป่าไม้ คลิกดูผลงานทั้งหมดในตำแหน่ง Applied Product : PORTABLE BEACH PICNIC SET FROM NIPA PALM LEAFSTALK ชุดอุปกรณ์นั่งรับประทานอาหารกลางแจ้งริมชายหาดจากก้านจาก นำวัสดุก้านจากและภูมิปัญญาท้องถิ่นของจังหวัดตรังมาพัฒนาเป็นชุดรับประทานอาหารกลางแจ้งริมชายหาดที่ง่ายต่อการใช้งาน Viscom : การออกแบบภาพประกอบนิตยสารแฟชั่น “Collab” การออกแบบภาพประกอบแฟชั่นโดยการนำลายเส้นการ์ตูนญี่ปุ่นเข้ามาประยุกต์ใช้เพื่อนำมาประกอบในนิตยสารแฟชั่นแนวใหม่ซึ่งเน้นการใช้ภาพประกอบในการนำเสนอเรื่องราวต่างๆทางแฟชั่น เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายผู้สนใจการ์ตูนและแฟชั่น คลิกดูผลงานทั้งหมดในตำแหน่ง Viscom Interior : ” Elude to Pray ” โครงการออกแบบสถานปฏิบัติธรรมนานาชาติ (โมเดลต้นแบบ) วัดป่าโพธิญาณ จ.อุบลราชธานี ” หลีกเร้น เพื่อ ภาวนา ” คือ การออกแบบพื้นที่สำหรับการปฏิบัติธรรม หรือฝึกตนให้เกิดสมาธิ โดยใช้กฏ และบริบทของธรรมชาติในพื้นที่เข้ามาช่วย ทั้งป่าและน้ำ โดยใช้คติธรรมแทรก บวกกับหลักของการ หลบหลีก และ ซ่อนเร้น ในการออกแบบพื้นที่นั้นๆ ความหมายคือการปกปิด แต่ไม่กักขัง เพื่อการภาวนา เพื่อให้เกิดการปลีกตัว และให้เกิดความสงบ วิเวก จากพื้นที่ที่ออกแบบ โดยจะใช้วัสดุธรรมชาติที่เข้าใจได้ง่าย และสามารถนำโมเดลแบบไปกระจายใช้ต่อในพื้นที่วัดป่าอื่นๆได้ ที่มา : brandbuffet
13 ก.ค. 2561
Hi-Sa-Ti Shop จากไวรัล สู่ Experience เมื่อ Bank ขอเตือนใจทั้งใน-นอกจอให้รู้จักคิดก่อน “ซื้อ”
Hi-Sa-Ti Shop จากไวรัล สู่ Experience เมื่อ Bank ขอเตือนใจทั้งใน-นอกจอให้รู้จักคิดก่อน “ซื้อ” น่าแปลกเหลือเกินเมื่อธุรกิจธนาคาร ซึ่งน่าจะต้องชื่นชอบที่ได้ปล่อยสินเชื่อ แต่ ธนาคารกรุงไทยหรือ KTB กลับทำโฆษณาเพื่อกระตุ้นเตือนผู้บริโภคเบรคคนให้ไม่เป็นหนี้ ด้วยการคิดก่อนควักชะงักก่อนเปย์ ด้วยแคมเปญ Hi-Sa-Ti Shop สร้างร้านค้าออนไลน์ใน Instagram พร้อมสินค้าแฟชั่น 6 รายการ ที่ไอเท็มแต่ชนิดใช้ได้จริง ใส่ได้จริง แต่สินค้าทั้งหมดมีข้อความสอนใจให้ผู้บริโภคมีสติก่อนจะซื้อ คุณสหรัฐ สวัสดิ์อธิคม Managing Director จาก บริษัท CJ WORX เอเจนซี่ที่สร้างสรรค์งานชิ้นนี้ กล่าวถึงโครงการคิดก่อนควักชะงักก่อนเปย์ แคมเปญ Resonable Brandname Hi SaTi_Shop และอินไซต์เรื่องพฤติกรรมการออมเงินของคนไทยว่า เป็นเรื่องน่าแปลกที่ขณะนี้มีข้อมูลเรื่องการออมเงิน การลงทุนให้ งอกเงย รวมถึงวิธีการ ปลดหนี้ในรูปแบบต่างๆ มากมาย แต่ภาพรวมหนี้ครัวเรือน ระดับประเทศกลับไม่ลดลง จากข้อมูล ของ สำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่า ระดับหนี้สินต่อ ครัวเรือน ปี2560 ประมาณ 1.78 แสนบาท เทียบกับ 1.56 แสนบาทในปี 2558 ทั้งนี้ยังไม่รวมหนี้อื่นๆ อย่างหนี้นอกระบบด้วย “มีแต่ข้อมูลเรื่องการเก็บเงิน ออมเงิน การปลดหนี้ แต่ไม่เคยมีใครสอน เรื่องการ ใช้เงินอย่างไรถึงมีความรับผิดชอบ เพราะตอนนี้ใช้เงินได้รวดเร็ว อยากซื้อ ก็ซื้อเลย แคมเปญนี้ไม่ได้ ห้ามใช้เงิน แต่ทำอย่างไรให้คนใช้เงินช้าลง ไม่วู่วามใช้จ่าย ในสิ่งไม่จำเป็น ให้คนฉุกคิดหรือให้ความรู้ เกี่ยวกับการใช้เงิน ให้เหมาะสม และถ้าเป็น รูปแบบโฆษณาปกติ ไปโพสต์ลงเฟซบุ๊ก ทำแบนเนอร์ ก็จะไม่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ดังนั้นเราจึงคิดว่า ทำไมเรา ไม่ทำสินค้าที่กระตุก ความคิดเตือนสติ กลายเป็นที่มา ของชื่อสินค้าเตือนสติ” ผู้บริหาร CJ WORX อธิบายไอเดียต่อไปอีกว่า HI-SA-TI Shop ร้านค้าที่ สินค้าทุกชิ้น พร้อมให้สติคุณทุกครั้งที่ช้อป ที่นี่…เรามีสินค้าคอลเลคชั่นพิเศษ สำหรับผู้หญิงและผู้ชายสาย วู่วามตอนชอป ให้คิดก่อนควักชะงักก่อนเปย์ “เริ่มจากสินค้าสำหรับสาวขาชอป ลิปสติก รุ่น “เฉดนี้มีแล้วป่ะ” ลิปสติกรุ่นพิเศษ ที่ช่วยเตือนสติสาวๆ ก่อนจะวู่วาม ซื้อลิปสติกสีซ้ำและใช้ไม่เคยหมด , กระเป๋ารุ่นนี้ “จะซื้อจริงอ่ะ” กระเป๋าสะพายที่เข้าได้ กับทุกชุด มาพร้อมวัสดุทนน้ำตาและหยาดเหงื่อ เมื่อต้องทำงานหนัก กระเป๋าใบนี้ออกแบบ เพื่อเตือนสตินักช้อปที่ช้อปแบบไม่แคร์เงินในกระเป๋า , เดรส รุ่น “แบบนี้มีแล้วมั้ง”เดรสดีไซน์บ้านๆ คัทติ้งซ้ำๆ ที่จะช่วยเตือนสติสาวๆ ที่ชอบช้อปแล้วไม่จำ และชอบซื้อชุดซ้ำ แต่ไม่เคยได้ใส่ ส่วนของหนุ่มมือไวเปย์ไว เป็น หมวก รุ่น “ใบเก่าใส่คุ้มยัง” หมวกรุ่นพิเศษ ที่ออกแบบมา สำหรับเตือนสติ คนที่ไม่ชอบ ใส่หมวก แต่ชอบซื้อไป เพราะกระแสสังคมบอกว่า ของมันต้องมี , กางเกงยีนส์ รุ่นนี้ “มีกี่ตัวแล้ว”ยีนส์ทรงยอดฮิต รุ่นนี้ออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อหนุ่มๆที่ชอบ ซื้อยีนส์หลายตัว แต่ไม่เคยได้ใส่ , รองเท้า รุ่นนี้ “ใส่จริงหรา” รองเท้าที่ดีไซน์ มาเป็นพิเศษ เพื่อนักช้อปสายวู่วาม ที่ชอบซื้อๆไปก่อน แต่ลืมคิดว่าจะได้ใส่จริงๆหรา”คุณสหรัฐ กล่าว Managing Director ระบุถึงกระแสตอบรับว่า แคมเปญ Hi-Sa-Ti Shop นอกจาก ทำสินค้าที่ชื่อสื่อให้มีสติแล้ว ยังมีหน้าร้านในอินสตราแกรมและขายจริงที่ @HiSaTi_Shop รวมถึงการทำคลิปวิดีโอ และมีการเปิดร้านค้าจริง ในพื้นที่ๆ ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งภายหลังจาก ดูจบ ต้องการให้ผู้ชม เกิดแอคชั่น นั่นคือ การตั้งคำถามกับ ของที่กำลังจะซื้อ ซึ่งผลตอบรับที่ได้มาถือว่า ประสบ ความสำเร็จดีมาก “ยอดการแชร์คลิป รวมถึงการแท็กเพื่อน แชร์ประสบการณ์ตัวเอง หรือ การชมทีมงาน ว่าครีเอทสร้างสรรค์ว่า ปกติมีแต่โฆษณายุให้ซื้อของ แต่นี่ยุให้ฉุกคิด มีสติกับการใช้จ่าย ซึ่งทั้งหมดนับว่าเป็น Quality Comment ที่งานโฆษณาบนโลก ออนไลน์ ที่ต้องการประสบ ความสำเร็จต้องการ ผลตอบรับเช่นนี้ ที่สำคัญผู้ชม ดูจนจบคลิป เพราะมีคำบรรยาย ที่พวกเขาแชร์ออกไป เป็นคำที่อยู่ในคลิป ช่วงท้าย หากดูไม่จนจบก็จะไม่รู้จักคำนี้ สิ่งที่ภูมิใจ อีกอย่างคือ พวกเขาได้ รับคีย์เมสเซส ที่เราต้องการสื่อสาร เรื่องการมีสติก่อนซื้ออย่าง เต็มที่” คุณสหรัฐ กล่าว ในฐานะคนทำโฆษณามาเกือบ 30 ปี คุณสหรัฐ มองว่า แคมเปญคิดก่อนควักชะงักก่อนเปย์ Hi-Sa-Ti Shop สามารถทำให้คนที่ไม่ชอบโฆษณาบนโลกออนไลน์ กลับมาสนใจและดูจนจบ ชอบจนแชร์ และแท็กชื่อ เพื่อนจนถึงขั้นอยากซื้อฝาก เพื่อนคนที่มีนิสัย คล้ายกับในคลิป ที่ประสบความสำเร็จนี้ เพราะรูปแบบไม่จำเจและไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป “ผมต้องขอบคุณ KTB ที่กล้านำเสนอไอเดีย ฉีกกฎของการทำโฆษณาออกไป ให้เข้าถึง และใกล้ชิดผู้บริโภค เรียกว่ายืนอยู่ในใจของผู้บริโภค และทำให้เกิด แคมเปญ ดีๆให้สติกับผู้บริโภค ทำให้ CJ WORX ได้สร้างสรรค์ ผลงานโฆษณา รูปแบบใหม่ คือ จุดเริ่มต้นของการโฆษณาออนไลน์ อาจไม่ได้เริ่มในออนไลน์เสมอไป เช่นเดียวกับ Hi-Sa-Ti Shop ที่ผลิตเป็น สินค้าให้ คนได้เห็น และซื้อกันได้ จนมาสร้าง กระแสในโลกออนไลน์ ด้วยคลิปวิดีโอ จุดหมายปลายทาง คือ ให้คนบนโลกออนไลน์ได้ มีส่วนร่วมและสร้าง Engagement ในโลกออนไลน์ อย่างกรณีถ้ำหลวง แม้จะไม่ใช่การโฆษณา แต่เป็นเรื่องที่เกิดบนโลกออฟไลน์ แต่สร้าง กระแสในโลกออนไลน์ จนกลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ การโฆษณานี้ เป็นวิธีหนึ่ง ของการ เล่าเรื่อง ของการโฆษณาอีกมากมายหลายรูปแบบ ของการ โฆษณา รูปแบบใหม่ เพื่อให้โดนใจ ผู้บริโภคจน เกิด Conversation ในโลกออนไลน์” ผู้บริหาร CJ WORX กล่าว ที่มา : brandbuffet
10 ก.ค. 2561
บทวิเคราะห์การรายงานสถานการณ์แรงงานและ ดัชนีชี้วัดภาวะแรงงานจังหวัดพิจิตร ไตรมาสที่ 1/2561 (มกราคม-มีนาคม 2561)
บทวิเคราะห์การรายงานสถานการณ์แรงงานและดัชนีชี้วัดภาวะแรงงานจังหวัดพิจิตร ไตรมาสที่ 1/2561(มกราคม-มีนาคม 2561) โดย สำนักงานแรงงานจังหวัดพิจิตร http://phichit.mol.go.th/sites/phichit.mol.go.th/files/raayngaansthaankaarnaerngngaancchanghwadphicchitraitrmaas_1_pii_2561_mkraakhm_-_miinaakhm_2561_2.pdf
22 พ.ค. 2561