โทรศัพท์ 1358
Advanced Search

Category
กสอ. เดินสายภาคเหนือ​ เร่งเสริมแกร่ง SMEs รอบรู้การเงิน เตรียมพร้อมเข้าสู่ระบบบัญชีเดียว
กสอ. เดินสายภาคเหนือ เร่งเสริมแกร่ง SMEs รอบรู้การเงิน เตรียมพร้อมเข้าสู่ระบบบัญชีเดียว จ.เชียงใหม่ 16 ตุลาคม 2561 - นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นประธานเปิดการสัมมนา “เสริมแกร่ง SMEs รอบรู้การเงิน” โดยมี นายวิจักขณ์ รัตนสุวรรณ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมผู้ประกอบการและธุรกิจใหม่ กล่าวรายงาน พร้อมด้วยผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 1, 2 และผู้ประกอบการ SMEs เข้าร่วมสัมมนากว่า 500 ราย ณ โรงแรมอิมพีเรียล แม่ปิง จ.เชียงใหม่ การสัมมนาดังกล่าว นับเป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาล ตามมาตรการพิเศษเพื่อขับเคลื่อน SMEs สู่ยุค 4.0 ที่ประกาศออกมาเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2560 พร้อมมอบหมายให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ดำเนินโครงการ “เสริมแกร่ง SMEs รอบรู้การเงิน” โดย กสอ. ได้รับความร่วมมือจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภาคเอกชน และสถาบันการเงินต่างๆ เพื่อสร้างองค์ความรู้ให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ในการทำธุรกิจ ด้านการจัดทำระบบบัญชีเดียวเพื่อลดความเสี่ยงต่อการดำเนินธุรกิจ แบ่งออกเป็น 2 กิจกรรม คือ 1) การสัมมนาเตรียมความพร้อมเข้าสู่แหล่งเงินทุนในอัตราดอกเบี้ยต่ำ รวมถึงการสร้างความรู้ความเข้าใจและการจัดทำบัญชีเดียวให้ถูกต้องตามกฎหมาย 2) คลินิกให้คำปรึกษาแนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการบัญชีจากสถาบันการศึกษา ทั้งนี้ กสอ. ตั้งเป้าหมายพัฒนา SMEs จากทั่วประเทศ ให้ได้ประมาณ 3,500 คน ภายในปี 2561 ### PR.DIP (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สล.กสอ.) : รายงาน/ภาพข่าว
16 ต.ค. 2018
กิจกรรม สัมมนา อบรมด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ การสร้างการรับรู้ของสินค้าและการสร้างแบรนด์
หลักสูตรคุณภาพ เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการจากศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่3 การพัฒนาศักยภาพของธุรกิจที่ดีที่สุดคือการได้อบรมสำหรับเจ้าของธุรกิจ พนักงาน หรือทายาทธุรกิจ จะทำให้บุคลากรในองค์กรได้รับการพัฒนาและจะขับเคลื่อนธุรกิจท่านไปในตัว ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 3 จัดฝึกอบรมด้านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ การสร้างการรับรู้ของสินค้าและการสร้างแบรนด์ เราคำนึงถึงการการพัฒนาตลาดของท่านให้โตเร็วขึ้นที่สำคัญอบรมฟรี 1 ปีมีแค่ครั้งเดียว(แล้วแต่การกำหนดพื้นที่ในการจัดฝึกอบรม) สำรองที่นั่งได้แล้ววันนี้ครับ 082-3971551 #ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่3
16 ต.ค. 2018
กิจกรรมวางพวงมาลาและถวายบังคมเพื่อน้อมรำลึกเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนารถบพิตร
วันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม 2561 นางสาวพรทิพย์ คำฝอย นักวิชาการอุตสาหกรรมปฏิบัติการ และเจ้าหน้าที่ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 3 เข้าร่วมกิจกรรมวางพวงมาลาและถวายบังคมเพื่อน้อมรำลึกเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนารถบพิตร ณ หอประชุมจังหวัดพิจิตร อ.เมือง จ.พิจิตร โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรเป็นประธานวางพวงมาลาเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร
13 ต.ค. 2018
กิจกรรมทำบุญตักบาตรเพื่อน้อมรำลึกเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนารถบพิตร
วันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม 2561 นางสาวพรทิพย์ คำฝอย นักวิชาการอุตสาหกรรมปฏิบัติการ และเจ้าหน้าที่ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 3 เข้าร่วมกิจกรรมทำบุญตักบาตรเพื่อน้อมรำลึกเนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนารถบพิตร ณ บริเวณหน้าพระอุโบสถวัดท่าหลวง พระอารามหลวง อ.เมือง จ.พิจิตร โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรเป็นประธานใส่บาตรพระสงฆ์
13 ต.ค. 2018
กิจกรรมพิธีจุดเทียนเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร
วันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม 2561 นางสาวพรทิพย์ คำฝอย นักวิชาการอุตสาหกรรมปฏิบัติการ และเจ้าหน้าที่ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 3 ร่วมกิจกรรมพิธีจุดเทียนเพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ หอประชุมจังหวัดพิจิตร อ.เมือง จ.พิจิตร โดยมีนายวรพันธุ์ สุวัณณุสส์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรเป็นประธานในพิธี
13 ต.ค. 2018
โครงการพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรม คพอ.349 @กำแพงเพชร
คพอ.349 @ กำแพงเพชรโครงการพัฒนาผู้ประกอบการธุรกิจอุตสาหกรรมหลักสูตรจะช่วยดึงศักยภาพการบริหารธุรกิจของคุณเอง และเสริมสร้างความแข็งแกร่งเพื่อต่อสู้กับโลกธุรกิจที่แสนโหดร้าย เนื้อหาคุณภาพ กับอบรมทั้งสิ้น 17วัน (พุธ-ศุกร์ ของแต่ละสัปดาห์ ในเดือน ม.ค.-มี.ค.) สอบถามรายละเอียด และ สมัครได้แล้ววันนี้ คุณเอกนัย 0972494250 ถึงจะจัดที่กำแพงเพชรแต่จังหวัดใกล้เคียงตามไปเรียนได้นะครับ รับจำนวนจำกัด 30 ท่านเท่านั้น
10 ต.ค. 2018
Style Bangkok 2018 มิติใหม่งานแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์
Style Bangkok มิติใหม่งานแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์ ที่หลากหลายเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ เป็นงานที่แสดงศักยภาพการเป็นผู้นำด้านความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม และงานออกแบบของไทย นำเสนอจุดเด่นที่ไม่เหมือนใครของสินค้าไลฟ์สไตล์จากผุ้ประกอบการไทย และเป็นงานที่สร้างเครือข่ายธุรกิจในระดับนานาชาติ Style Bangkok รวบรวมไลฟ์สไตล์จาก 3 งานเทรดแฟร์ใหญ่ของไทยเอาไว้ ประกอบด้วย1.งานแสดงสินค้าแฟชั่นและงานแสดงสินค้าเครื่องหนัง BIF & BIL 2.งานแสดงสินค้าของขวัญและงานแสดงสินค้าของใช้ในบ้าน BIG&BIH3.งานแสดงสินค้าเฟอร์นิเจอร์ TIFF จัดขึ้นวันที่ 17-21 ตุลาคม 2561 @ ไบเทค บางนา- วันเจรจาการค้า 17-19 ตุลาคม 2561- ประชาชนทั่วไปเข้าชมงาน 20-21 ตุลาคม 2561 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์โทร 02-5078361 www.stylebangkokfair.comFacebook Fanpage : style bangkok Fair
09 ต.ค. 2018
กสอ. สร้าง “THAIDEN” (ไทยเด่น) ของเด่นต้องมี ของดีต้องซื้อฝาก ให้ตลาดจับตามอง ด้วยแนวคิด​ "PRODUCT HERO"
กสอ. สร้าง “THAIDEN” (ไทยเด่น) ของเด่นต้องมี ของดีต้องซื้อฝาก ให้ตลาดจับตามอง ด้วยแนวคิด "PRODUCT HERO" กรุงเทพฯ 5 ตุลาคม 2561 - กระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม(กสอ.) เปิดโครงการไทยเด่นและกิจกรรมสัมมนา "PRODUCT HERO" โดยได้รับเกียรติจาก นายสมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานในพิธี และนายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นผู้กล่าวรายงาน ในการนี้นางสาวนิสากร จึงเจริญธรรม รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นางเบญจมาพร เอกฉัตร์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรมคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม และภาคเอกชน เข้าร่วมในพิธีเปิด ณ ห้องไมดาสบอลรูม โรงแรมไมด้า ดอนเมือง แอร์พอร์ต กรุงเทพฯ กิจกรรมโครงการสร้างสรรค์อัตลักษณ์สินค้าอุตสาหกรรมชุมชนสู่สากล หรือเรียกในชื่อย่อว่าโครงการ “THAIDEN” (ไทยเด่น) เป็นโครงการเพื่อผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนและ SME แห่งปี ที่รวบรวมผู้ผลิตสินค้าเด่นจาก 77 จังหวัดทั่วประเทศ มาเปิดมุมมองวิสัยทัศน์และพัฒนาองค์ความรู้ เพื่อผลักดันสินค้าเป็นของฝากและของที่ระลึกในระดับประเทศ ก่อให้เกิดการพัฒนาระดับท้องถิ่น สร้างความเข้มแข็งต่อเศรษฐกิจฐานราก และสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวตามนโยบายสู่ภูมิภาค โดยกระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานเครือข่ายได้ร่วมเฟ้นหาและคัดเลือกผู้ประกอบการที่ผลิตสินค้าเด่นมีอัตลักษณ์เชิงพื้นที่ในแต่ละจังหวัด จำนวน 3 รายต่อจังหวัดทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 231 ราย เพื่อเข้าร่วมการฝึกอบรม พร้อมเสริมด้วยหลักสูตรพิเศษในการค้นหา Product Hero ของแต่ละจังหวัดโดยทีมนักการตลาด นักวิเคราะห์กลยุทธ์ นักการสื่อสาร และผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาสินค้า เป็นต้น นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดนิทรรศการแสดงผลงานสินค้าชุมชน กิจกรรมเสวนา บรรยายให้ความรู้ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากผู้ประกอบการและผู้เชี่ยวชาญที่ประสบความสำเร็จในด้านต่าง ๆ รวมทั้งได้รับเกียรติจาก คุณตัน ภาสกรนที จากอิชิตัน นักธุรกิจที่มีชื่อเสียงของวงการ และคุณฟูมิ ซาซาดะ จากบราวิส อินเตอร์เนชั่นแนล บริษัทออกแบบบรรจุภัณฑ์อันดับ 1 ของประเทศญี่ปุ่น มาเป็นวิทยากรพิเศษ พร้อมเสวนาจากประสบการณ์ตรงการสร้างธุรกิจจากศูนย์ โดย คุณจงใจ กิจแสวง (หมูทอดเจ้จง) คุณกรรณิการ์ โวหารบัณฑิตย์ (ไส้กรอกแม่ไก่) เป็นต้น ได้มาให้ความรู้และแบ่งปันประสบการณ์อันทรงคุณค่าในครั้งนี้ด้วย### PRDIP (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม) รายงาน / ภาพข่าว
08 ต.ค. 2018
ซื้อประกันสุขภาพยังไง ให้พอเคลม เบี้ยไม่เกินงบ แถมช่วยลดภาษี
ซื้อประกันสุขภาพยังไง ให้พอเคลม เบี้ยไม่เกินงบ แถมช่วยลดภาษีอีก เทคโนโลยีการแพทย์พัฒนาอย่างรวดเร็ว การรักษาโรคต่างๆ ก็มากขึ้น แต่ค่าบริการค่ารักษาพยาบาลก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน หลายคนเลยเลือกซื้อแบบประกันสุขภาพเพื่อลดค่าใช้จ่ายเมื่อต้องเข้ารักษาตัว ให้อย่างน้อยก็สบายใจ สบายกระเป๋าว่าจะเข้าถึงบริการทางแพทย์ที่ดี แต่จะซื้อประกันยังไงดี TGIA แนะแนวทางซื้อประกันสุขภาพ ฉุกเฉินเคลมได้ จ่ายเบี้ยไม่เกินตัวนุสรา (อัสสกุล) บัญญัติปิยพจน์ นายกสมาคมประกันชีวิตไทย บอกว่า ประกันสุขภาพแต่ละแบบมีเงื่อนไข และความคุ้มครองต่างกัน ดังนั้นผู้เอาประกันภัย (ชื่อคนที่อยู่บนกรมธรรม์) ควรศึกษารายละเอียดให้ครบถ้วนทั้งก่อนและหลังตัดสินใจทำประกัน จุดสำคัญคือต้องดูสิทธิ์ต่างๆ ภายในกรมธรรม์ เงื่อนไขความคุ้มครอง ข้อยกเว้นต่างๆ เช่น หลักการเบื้องต้นของการซื้อประกันสุขภาพคือ จะไม่คุ้มครองโรคเรื้องรัง การเจ็บป่วย(รวมถึงภาวะแทรกซ้อน) หรือ การบาดเจ็บที่ผู้เอาประกันภัยเป็นมาก่อนทำประกันหรือกำลังอยู่ระหว่างการรักษา “คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าเมื่อทำประกันสุขภาพแล้ว ถ้าเจ็บป่วยก็ใช้สิทธิหรือเคลมได้ทันที โดยไม่เข้าใจเงื่อนไขความคุ้มครอง หรือข้อยกเว้นของสัญญาประกันสุขภาพที่ทำไว้ จนเกิดปัญหาเคลมไม่ได้ขึ้น” ผู้เอาประกันภัยมักเข้าใจผิดว่าทำประกันสุขภาพแล้วจะเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ทั้งหมด แต่จริงๆ แล้วค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการรักษาพยาบาลจะจ่ายตามรายการที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ หรือบางกรมธรรม์อาจจะเป็นการเหมาจ่ายตามวงเงิน และทุนเอาประกันภัยที่ซื้อไว้ ถ้าไม่แน่ใจอะไรสอบถามได้ที่ Call Center จะทำประกันต้องบอกความจริง โกหกเมื่อไรบริษัทอาจจะยกเลิกสิทธิ์และที่สำคัญเมื่อตัดสินใจทำประกันสุขภาพจะต้องเปิดเผยข้อมูลตามความจริงและแถลงเรื่องสุขภาพโดยไม่ปิดบังหรือให้ข้อมูลเท็จ เพราะถ้าผู้เอาประกัน (คนที่มีชื่อบนกรมธรรม์) ไม่เปิดเผยข้อความจริงหรือแถลงข้อความอันเป็นเท็จ จะถือว่าสัญญาเป็นโมฆียะ คือบริษัทประกันที่ซื้อไว้มีสิทธิปฏิเสธการจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทน รวมถึงบอกล้างสัญญาได้ ส่วนคนที่แถลงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสาระสำคัญของสุขภาพแล้ว บริษัทจะพิจารณาว่ารับประกันภัยไหม อย่างไร เช่น สุขภาพปกติบริษัทอาจจะรับประกันภัยโดยใช้อัตราเบี้ยประกันภัยมาตรฐาน หรือบางกรณีบริษัทอาจมีการเพิ่มเบี้ยประกันภัยตามความเสี่ยงสุขภาพของคนที่ซื้อประกัน ซึ่งจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับนโยบายและเงื่อนไขของผลิตภัณฑ์แต่ละบริษัท ซื้อประกันสุขภาพแล้ว ไม่ได้เริ่มคุ้มครองทันทีเมื่อซื้อประกันสุขภาพ จะมี ระยะเวลาที่ไม่คุ้มครอง(Waiting Period) แบ่งเป็น 2 ส่วน 1) ระยะ 30 วันนับจากวันทำสัญญาหรือวันต่ออายุสัญญา บริษัทจะไม่จ่ายผลประโยชน์ตามสัญญาประกันสุขภาพสำหรับการเจ็บป่วยใดๆ ที่เกิดขึ้น 2) หากเจ็บป่วยด้วยโรคเนื้องอก ถุงน้ำ หรือมะเร็งทุกชนิด ริดสีดวงทวาร ไส้เลื่อน ต้อเนื้อต้อกระจก การตัดทอนซิล หรือ อดีนอยด์ นิ่วทุกชนิด เส้นเลือดขอดที่ขา เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ จะมีระยะเวลาที่ไม่คุ้มครอง 120 วันนับจากวันทำสัญญาหรือวันต่ออายุสัญญา เพราะเป็นโรคที่ไม่ได้เกิดขึ้นทันที แต่สำหรับกรณีอุบัติเหตุกรมธรรม์จะคุ้มครองในทันทีที่มีผลบังคับ เรื่องนี้สามารถอ่านได้ในกรมธรรม์ประกันที่ซื้อไป ขั้นตอนซื้อประกันยังไงให้เบี้ยไม่เกินงบเช็คสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพที่มีอยู่ให้ครบถ้วน เช่น ประกันกลุ่มที่มีอยู่ ประกันสังคม สิทธิบัตรทองฯลฯคำนวนค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ เช่น ค่าห้องพักรักษาตัวที่ต้องการ โรงพยาบาลที่ใช้บริการอยู่มีค่าใช้จ่ายประมาณเท่าไร ฯลฯ คำนวนค่าใช้จ่าย ค่าเบี้ยที่สามารถจ่ายได้ตลอดทั้งปีดูความเสี่ยงทางสุขภาพของตัวเอง ว่าต้องการประกันในส่วนไหน เช่น โรคร้ายแรง หรือการเจ็บป่วยที่เกิดจากอุบัติเหตุเปรียบเทียบและหาแบบประกันจากหลายบริษัท โดยดูรายละเอียดทั้ง วงเงินการรักษา ทุนเอาประกัน รูปแบบการจ่ายเคลม เงื่อนไข ข้อยกเว้น ฯลฯ อย่างละเอียด ตลาดประกันสุขภาพในไทยโตแค่ไหนแล้ว?ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2556 – 2560) ประกันสุขภาพเฉพาะส่วนธุรกิจประกันชีวิตเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 11.31% โดยครึ่งปีแรก 2561 นับรวมทั้งธุรกิจประกันภัยก็มีเบี้ยประกันสุขภาพที่ 41,087 ล้านบาท สัดส่วนกว่า 87.76% (หรือประมาณ 36,060 ล้านบาท) เป็นเบี้ยประกันสุขภาพจากบริษัทประกันชีวิต สาเหตุหลักที่คนสนใจซื้อประกันสุขภาพมากขึ้น ส่วนหนึ่งเพื่อรับมือกับโรคร้ายแรง และลดภาระตัวเองจากค่ารักษาพยาบาลที่ปรับขึ้นทุกปีประมาณ 8% ยิ่งภาครัฐเปิดโอกาสให้คนที่ทำประกันสุขภาพ สามารถใช้เบี้ยประกันสุขภาพลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 15,000 บาทต่อบริษัทประกันชีวิตที่ได้ซื้อประกันสุขภาพไว้ แต่ก่อนจะใช้สิทธิต้องแจ้งความประสงค์กับบริษัทประกันก่อน และจะมีแบบฟอร์มให้ลูกค้าด้วย สรุปตลาดประกันสุขภาพโตขึ้นทุกปี แต่การจะซื้อประกันต้องเช็คสิทธิ์ทางการแพทย์ที่มีอยู่ ประเมินค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ที่อาจเกิดขึ้น เช่น ค่าห้องพักรักษาตัว วงเงินการรักษาตัวอย่างเหมาจ่ายหรือไม่เหมา และอ่านข้อยกเว้นอย่าง Waiting Period ที่สำคัญต้องศึกษารายละเอียดก่อนซื้อประกัน ป้องกันปัญหาที่เกิดขึ้นภายหลัง Cr:Brandinsideasia
08 ต.ค. 2018
รู้จัก P2P Lending ที่คลัง-ธปท. จะออกเกณฑ์ปล่อยเงินกู้-ยืมเงินออนไลน์ ไม่ต้องพึ่งแบงก์
เราได้ยินเรื่อง P2PLending มาพักใหญ่ ว่าเป็นเครือข่ายบนระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่จะจับคู่คนอยากปล่อยกู้กับคนอยากกู้เงินมาเจอกัน ล่าสุดกลางเดือน ก.ย. 2561 กระทรวงการคลัง ออกกฎให้คนที่เปิดแพลตฟอร์ม P2PLending ต้องมาขอใบอนุญาตก่อนเปิดให้บริการ แต่เพื่อป้องกันปัญหาอื่นๆ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เลยออกเกณฑ์ควบคุม โดยจะสกรีนผู้ประกอบการตัวระบบก่อนจะไปขอใบอนุญาตที่กระทรวงการคลัง ใครอยากปล่อยกู้ อยากกู้เงินแบบไม่พึ่งแบงก์ สิ้นปี 61 ได้ลองใช้ สิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) บอกว่า ในต่างประเทศ เช่น จีนและสหรัฐฯ มีการกู้เงินแบบบุคคลต่อบุคคล (Peer to Peer Lending) คือคนทั่วไปสามารถปล่อยกู้ และขอกู้เงินระหว่างกันเองได้ ผ่านโลกออนไลน์ คือ ผู้ให้กู้ กับผู้กู้ไม่ต้องเจอหน้ากัน แค่เปิดเว็บไซด์ หรือ แอพพลิเคชั่นของผู้ให้บริการ P2PLending ก็ขอกู้เงินได้เลย “แบงก์ชาติกำลังจะออกเกณฑ์ผู้ให้บริการ P2PLending ภายในปีนี้ แต่แพลตฟอร์มของเอกชนจะออกมาใช้ได้เมือไร ต้องรอดูว่าบริษัทเหล่านั้นผ่านมาตรฐานของธปท. ไหม เช่น เรื่องกำหนดวงเงินกู้ กระบวนการดูแลลูกค้า ดูแลรักษาทรัพย์สินของผู้กู้ที่ส่งเข้าระบบมา ระบบเทคโนโลยี อย่าง KYC (กระบวนการยืนยันตัวตน) กระบวนการทำสัญญา การติดตามหนี้ เรื่อง Cybersecurity ซึ่งถ้าบริษัทนั้นทดสอบแล้วผ่าน ธปท.จะเสนอชื่อไปที่กระทรวงการคลังเพื่อขอใบอนุญาต” ฤชุกร สิริโยธิน รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) บอกว่า ปัจจุบันแม้ว่าทางเลือกการกู้เงินจะมีทั้งธนาคาร สถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร (Non-Bank อย่างบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล) แต่ก็ยังมีคนต้องพึ่งพาเงินนอกระบบ เพราะเข้าไม่ถึงสินเชื่อ ดังนั้นภาครัฐมองว่าการมี P2PLending จะตอบโจทย์ SME ผู้ประกอบการเจ้าเล็ก เข้าถึงเงินกู้ได้มาขึ้น แถมยังเป็นแพลตฟอร์มที่จับคู่กับคนที่อยากปล่อยกู้ด้วย หลักๆ ธปท. จะออกเกณฑ์เพิ่มเติมเพื่อให้ คนที่จะทำธุรกิจ P2PLending (ธุรกิจระบบหรือเครือข่ายอิเล็กทรอนกิส์สาหรับธรุกรรมสินเชื่อระหว่างบุคคลกับบุคคล) เข้ามาทดสอบระบบให้ดีก่อนไปขอใบอนุญาตกับกระทรวงการคลัง “เราเปิดให้ระบบที่ทำ P2PLending เขามาทดสอบระบบใน Regulatory Sandbox ของแบงก์ชาติ ซึ่งจะต้องผ่านเกณฑ์หลายอย่าง เช่น การดูแลผู้บริโภค ความปลอดภัยของตัวแพลตฟอร์ม ทุนจดทะเบียน การจัดการความเสี่ยง รูปแบบการทำธุรกรรม ฯลฯ” เงื่อนไขการเปิดแพลตฟอร์ม ผู้ให้กู้ ผู้กู้ เป็นแบบไหนบ้าง สิริธิดา บอกว่า ในส่วนของไทย P2P Lending หลังจากที่กระทรวงการคลังออกเกณฑ์ให้ใบอนุญาตคนที่ทำธุรกิจนี้ โดยแบงก์ชาติจะเปิดให้ แพลตฟอร์มต่างๆ สามารถขอเข้าทดสอบระบบ (ใน Regulatory sandbox) เพื่อเปิดให้บริการ P2PLending ได้ซึ่งเงื่อนไขหลักๆ คือ เป็นนิติบุคคลที่มีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาทขึ้นไป ตัวแพลตฟอร์มจะเป็นตัวกลางจับคู่ผู้กับ กับผู้ปล่อยกู้ ซึ่งจะปล่อยเงินกู้เองไม่ได้ เงินที่ให้สินเชื่อต้องฝากไว้กับ Escrow account เป็นบริษัทที่ดูแลรักษาทรัพย์สินเพื่อป้องกันตัวแพลตฟอร์มการทุจริต ทำ Scoring หรือคะแนนที่ใช้พิจารณาการปล่อยสินเชื่อ ภายในแพลตฟอร์ม ต้องแสดงข้อมูลของผู้กู้เพื่อให้ผู้ที่ปล่อยกู้สามารถประเมินความเสี่ยงของผู้กู้ ทำหน้าที่คัดกรอง โครงการที่ผู้กู้ใช้ขอสินเชื่อ บริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย (มีคนไทยถือหุ้น 75%) มีรายได้เป็นค่าธรรมเนียม ส่วนใครที่อยากกู้เงิน มีเงื่อนไขคร่าวๆ ได้แก่ เป็นบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลก็ได้ ต้องเสนอยื่นโครงการทำธุรกิจที่ชัดเจน และไม่ยื่นซ้ำซ้อนกับแพลตฟอร์ม P2PLending ที่อื่น วงเงินสินเชื่อไม่เกิน 50 ล้านบาทต่อโครงการ ส่วนใครที่อยากใช้แพลตฟอร์มนี้ เพื่อปล่อยเงินกู้ เงื่อนไขมีดังนี่ คิดดอกเบี้ยรวมค่าธรรมเนียม ไม่เกิน 15% (ตามกฎหมาย) ผู้ให้กู้รายย่อย สามารถให้กู้ได้ไม่เกิน 5 แสนบาทต่อปี ส่วนรายใหญ่ที่เป็น High Net worth (มีทรัพย์สิน 1 ล้านเหรียญขึ้นไป) ไม่จำกัดวงเงินให้กู้ กำหนดระยะเวลาให้กู้ได้เอง ต้องดูแลความเสี่ยงด้วยตัวเอง เมื่อเกิดหนี้เสียดำเนินการตามกฎหมายปกติ “ผู้ให้กู้มีได้หลายคนต่อ 1 สัญญา แม้ผู้กู้มีรายเดียว เช่น วงเงินที่ผู้กู้ต้องการสูง ทางEscor จะเก็บเงิน รวบรวมจนครบจำนวน แล้วส่งต่อไปที่ ผู้กู้ทีเดียว ส่วนแบงก์ เขามีใบอนุญาตปล่อยกู้อยู่แล้ว สามารถทำแพลตฟอร์มได้เลย แต่ธปท.จะออกเกณฑ์มากำกับเพิ่มเติมในเรื่องขั้นตอนให้ชัดเจน เพราะลักษณะการทำธุรกิจต่างกัน เกณฑ์ P2PLending ทั้งหมด คาดว่าจะออกภายในปีนี้ ต้องรอคุยกับ ก.ล.ต.แล้ว” สรุป เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาต่อเนื่องก็เปลี่ยนแปลงระบบการเงิน ให้ง่าย สะดวก และเร็วขึ้น ภาครัฐก็อยู่เฉยไม่ได้ ทั้งกระทรวงการคลังและธปท.เตรียมออกเกณฑ์ P2PLeanding หรือเครือข่ายกลางที่จับคู่คนอยากกู้กับอยากปล่อยกู้มาเจอกัน ถือเป็นเรื่องดีที่รัฐจะลงมาดูแลอย่างใกล้ชิด มิฉะนั้นอาจเกิดปัญหาเหมือนหลายประเทศที่ทำ P2PLending มาแล้ว
28 ก.ย. 2018