โทรศัพท์ 1358
การค้นหาขั้นสูง

หมวดหมู่
สัมมนาเชิงปฏิบัติการ "เชื่อมสัมพันธ์ เครือข่าย RISMEP และ สร้างเครือข่ายหน่วยงานผู้สนับสนุนการสร้างสุขภาวะองค์กรใน SMEs (Happy Work Place)
วันที่ 5-7 มี.ค. 2562 ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 3 จัดกิจกรรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ "เชื่อมสัมพันธ์ เครือข่าย RISMEP และ สร้างเครือข่ายหน่วยงานผู้สนับสนุนการสร้างสุขภาวะองค์กรใน SMEs (Happy Work Place) ณ แฮฟเว่น แคว รีสอร์ท จ.กาญจนบุรี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกเครือข่าย RISMEP จ.พิจิตร, นครสวรรค์ ที่ปรึกษาธุรกิจอุตสาหกรรม และเจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ และพัมนาเครือข่าย RISMEP สู่การเป็นเครือข่ายผู้สนับสนุนการสร้างสุขภาวะองค์กร SMEs ในการทำงานส่งเสริมผู้ประกอบการและเผยแพร่การสร้างสุขภาวะองค์กรให้เกิดขึ้นใน SMEs #ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่3
05 มี.ค. 2562
Creative Craft Transformation Talk : เปิดตัว Coach ด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ สำหรับกิจกรรม Creative Craft Transformation
Creative Craft Transformation Talk : เปิดตัว Coach ด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ สำหรับกิจกรรม Creative Craft Transformation Creative Craft Transformation Talk: เปิดตัว Coach ด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ สำหรับกิจกรรม Creative Craft Transformation สถานที่: ห้อง Material & Design Innovation Center ชั้น 2 (อาคารส่วนหลัง) TCDC กรุงเทพฯ วันเวลา : 23 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 12.30 - 17.00 น. กิจกรรมแนะนำและการบรรยายจาก Coach ผู้เชี่ยวชาญในด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการใหม่ และ Brand and Marketing Strategy ที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม Creative Craft Transformation พร้อมร่วมฟังแนวความคิดและแนวทางการทำงานของ Coach ในกลุ่มธุรกิจ Craft ว่าจะสามารถนำไปต่อยอดและพัฒนาให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ได้อย่างไร? พบกับการบรรยายโดย Coach ด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ สำหรับกิจกรรม Creative Craft Transformation ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องต่อไปนี้ - ด้าน Experimental Craft - ด้าน Experience Economy- ด้าน Creative Craft Cultural Asset- ด้าน Brand and Marketing Strategy ตารางกิจกรรม 12:30 -13.00 น. เริ่มลงทะเบียน13:00 -13.10 น. เกริ่นภาพรวมกิจกรรม Creative Craft Transformation โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์(CEA)13:10 -14.00 น. หัวข้อบรรยายเรื่อง "Asian Design and Its Voice in International Design World" โดย คุณเรวัฒน์ ชำนาญ 14:00 -14.50 น. หัวข้อบรรยายเรื่อง "เข้าใจจุดเริ่มต้น ค้นหาความสำเร็จ" โดย Trimode Studio 14.50 -15.10 น. พักรับประทานอาหารว่าง15:10 -16.00 น. หัวข้อบรรยายเรื่อง "Experience [Craft]Economy - ธุรกิจ[คราฟต์]ยุคใหม่ต้องขายประสบการณ์" โดยThe Contextual 16.00 -16.50 น. หัวข้อบรรยายเรื่อง "TOMORROW CRAFTS" โดย Thinkk Studio 16.50 -17.30 น. รับสมัครผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรม Creative Craft Transformation กิจกรรมนี้เหมาะสำหรับใคร? นักเรียน นักศึกษา นักออกแบบ ผู้ประกอบการด้าน Creative Craft และบุคคลทั่วไป ท่านที่สนใจสามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ - วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2562รับ 100 ที่นั่ง เท่านั้น / ไม่มีค่าใช้จ่าย ท่านที่นำรถส่วนตัวมา สามารถจอดรถได้ที่อาคาร CAT ในอัตราค่าจอดรถราคาชั่วโมงละ 20 บาทส่วนกิจกรรมไม่มีบัตรจอดรถแจก* *หมายเหตุ :กิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรม Creative Craft Transformation สามารถอ่านรายละเอียดของกิจกรรม Creative Craft Transformation คลิกที่นี่---สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: E-mail: cbd@cea.or.th หรือโทร. 02-105-7428 ต่อ 224, 171, 131, 112 (จันทร์ - ศุกร์ เวลา 9.30 - 17.30 น.) ลงทะเบียนออนไลน์ https://www.zipeventapp.com/e/CCT-Coach #ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่3
25 ก.พ. 2562
" 6 เทรนด์มาแรง ตลาดเครื่องสำอางปี 2019 "
" 6 เทรนด์มาแรง ตลาดเครื่องสำอางปี 2019 " ในปี 2018 ที่ผ่านมาแค่ช่วงไตรมาสแรกตลาดส่งออกเครื่องสำอางของไทยก็โตขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาถึง 15.12 % โดยมีมูลค่าอยู่ที่ 671.86 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยในการขยายตัวดังกล่าวเกิดจากผู้ประกอบการรายย่อย หรือ SME เป็นหลัก และแม้ว่าตัวเลขการเติบโตจะค่อนข้างไปในทางบวกแต่บรรดาผู้ประกอบการด้านเครื่องสำอางทั้งหลายก็ไม่ควรนิ่งนอนใจเพราะเทรนด์ความงามตลาดโลกมีการเปลี่ยนแปลง และขยายตัวอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ก้าวทันเทรนด์ใหม่ๆ ของปี 2019 ที่กำลังจะมาถึง มิสเดอร์มาสรุปรวมมาให้ได้ 6 ข้อดังนี้ค่ะ 1. สินค้าออร์แกนิคยังมาแรงแม้ว่าหลายปีหลังเทรนด์ออร์แกนิคจะมาแรง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าปี 2019 เทรนด์นี้จะลดความนิยมลง เพราะด้วยความที่ผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น และที่สำคัญหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมโลกมากขึ้นทำให้เทรนด์ออร์แกนิคจะยังคงความร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง และจะไม่ใช่แค่ตัวเนื้อสินค้า แต่ยังรวมถึงบรรจุภัณฑ์ที่ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมคือสามารถนำกลับมา Recycle ได้ หรือยิ่ยสลายได้ไม่เป็นขยะตกค้างบนโลก เพราะฉะนั้นในปี 2019 ถ้าอยากจะทำแบรนด์เพื่อจับกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ต้องอย่าลืมให้ความสำคัญในเรื่องของความเป็นออร์แกนิคนะคะ 2. เร่งพัฒนานวัตกรรมความงามใหม่ๆคำว่า “นวัตกรรม” แม้จะฟังดูเป็นนามธรรมจับต้องไม่ได้ แต่ลูกค้าก็จะยังคงให้ความสำคัญในการเลือกซื้อสินค้าความงามจากนวัตกรรม ยิ่งเป็นนวัตกรรมที่ช่วยให้เห็นผลเร็ว และปลอดภัย หรือมีลูกเล่นใหม่ๆในเรื่องของ Texture สี กลิ่น ก็จะยิ่งสร้างความตื่นตา ตื่นใจน่าซื้อเพิ่มขึ้นไปอีก ด้วยเหตุนี้บรรดาเจ้าของแบรนด์คงต้องเลือกสินค้าที่มีนวัตกรรมใหม่ๆ มาทำแบรนด์เพื่อช่วยให้ขายดีกันแล้วล่ะค่ะ 3. สารสกัดหายากมีลักษณะเฉพาะตัวเป็นธรรมดาของสินค้าทั่วโลกที่ของหายาก มักจะขายดีเพราะมีความต้องการสูง และที่สำคัญมักจะราคาสูงซะด้วย เหตุผลเดียวกับกับสินค้าความงามที่มีส่วนผสมของสารสกัดหายากและมีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่มักจะมีความต้องการสูงและขายดีกว่าสินค้าที่ทำมาจากสารสกัดธรรมดาหาง่ายโดยทั่วไป 4. ออกสินค้าเป็น Series เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคได้หลากหลายปัจจุบันต้องยอมรับว่าความต้องการของผู้บริโภคหลากหลายมาก และมาจากหลากหลายกลุ่ม เพราะฉะนั้นบางครั้งใน 1 แบรนด์อาจจะต้องออกสินค้ามากกว่า 1 อย่างเพื่อตอบโจทย์กับทุกความต้องการ ซึ่งการออกสินค้าเป็น Series ก็เป็นอีกกลวิธีเพื่อรองรับเทรนด์สินค้าใหม่ๆในปี 2019 นี้ 5. กระปุกเดียวเอาอยู่ สวยได้ในทุกสถานการณ์แม้กระแสการใช้ชีวิต Slow Life จะยังมาแรงแต่ก็ต้องยอมรับว่าการใช้ชีวิตในเมืองมันทำยากมาก ยกเว้นการได้ Slow แบบไม่ตั้งใจเช่น รถติด เป็นต้น จึงนำมาซึ่งเทรนด์สินค้าความงามปี 2019 ลำดับที่ 5 นั่นก็คือเครื่องสำอางที่สามารถบำรุง พร้อมปกป้องผิวไปพร้อมๆ กันได้ในกระปุกเดียวเพราะอย่างที่เรารู้ๆ กันว่าการใช้ชีวิตในเมืองนอกจากจะต้องเผชิญแสงแดดอันร้อนแรงแล้ว ยังต้องเจอกับมลภาวะต่างๆอีกมากที่พร้อมจะทำลายผิว การที่จะต้องมาทาครีมทีละกระปุกเพื่อบำรุง และปกป้องอาจจะทำให้เสียเวลามากเกินไป การที่จะมีครีมสักตัวที่สามารถทำ 2 อย่างพร้อมกันได้จึงเป็นการตอบโจทย์ได้ดีที่สุดสำหรับชีวิตที่สุดแสนจะเร่งรีบของคนเมือง 6. กลิ่นหอมบ่งบอกตัวตนเทรนด์สุดท้ายที่จะมาแรงสำหรับปี 2019 นั่นก็คือเครื่องสำอางที่มีจุดเด่นด้านกลิ่น ซึ่งกลิ่นในที่นี้ไม่ใช่กลิ่นหอมอย่างเดียวแต่ต้องเป็นกลิ่นที่มีความหมาย เช่น กลิ่นที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลายจากวันที่เหนื่อยล้า ซึ่งก็เหมาะมากกับเครื่องสำอางประเภท Night Cream หรือ กลิ่นอ่อนๆ ของสารสกัดยิ่งถ้านำมาสร้างสตอรี่ร่วมกับข้อ 1 นั่นคือความเป็นออร์แกนิคด้วยแล้วจะยิ่งทำให้สินค้าความงามของเรามีเสน่ห์ยิ่งขึ้นไปอีกค่ะ CR : www.derma-innovation.com#ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่3
25 ก.พ. 2562
DEBUT ครั้งที่ 18 x INNOVATION MATCHING : Let’s Craft คราฟต์อย่างสร้างสรรค์
DEBUT ครั้งที่ 18 x INNOVATION MATCHING : Let’s Craft คราฟต์อย่างสร้างสรรค์ DEBUT ครั้งที่ 18 x INNOVATION MATCHINGLet’s Craft คราฟต์อย่างสร้างสรรค์ Debut ครั้งที่ 18 x INNOVATION MATCHING : Let’s Craft คราฟต์อย่างสร้างสรรค์ เปิดโอกาสพิเศษให้กับนักออกแบบ ผู้ประกอบการ และผู้ผลิต กลุ่มอุตสาหกรรมงานฝีมืองานคราฟต์ หรือเหล่า Maker ไม่ว่าจะเป็นงานหัตถกรรม งานออกแบบ หรือสินค้าที่ใส่ใจในเรื่องของการคิดและกระบวนการผลิต ที่จะแบ่งปันประสบการณ์ และบอกเล่าเรื่องราว แนวคิดใน การทำงานคราฟต์อย่างไรให้สร้างสรรค์ อะไรคือ DEBUT “ DEBUT by TCDCCONNECT ” เป็นพื้นที่จัดแสดงผลงานพร้อมข้อมูลของผู้ประกอบการ นักออกแบบ ผู้ผลิต และผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ ที่ผ่านการคัดเลือกโดย TCDC เพื่อให้ผู้ประกอบการได้ประชาสัมพันธ์ธุรกิจของตนเองโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และเพื่อให้ผู้ที่สนใจจะจ้างงาน หรือกำลังมองหาดีไซเนอร์ได้เห็นผลงานจริง ทำความรู้จัก และเกิดการจัดจ้างงานจริง อะไรคือ INNOVATION MATCHING พื้นที่แสดงผลงานนวัตกรรม วัสดุและเทคโนโลยีจากผู้ประกอบการและนักสร้างสรรค์ของไทยในสาขาต่างๆโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อสร้างเครือข่ายให้เกิดความร่วมมือร่วมกันในการพัฒนานวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ของคนไทย DEBUT by TCDCCONNECT ครั้งที่ 18 x INNOVATION MATCHING : พิเศษอย่างไร? และนักออกแบบจะได้อะไร จากการเข้าร่วมงานครั้งนี้ 1.พื้นที่ประชาสัมพันธ์ผลงาน บริเวณ Lobby, TCDC ชั้น 5 และ ห้อง Material & Design Innovation Center ชั้น2 ตลอดระยะเวลา 4 เดือน หากคุณเป็นนักออกแบบหรือผู้ผลิต มีพื้นที่ในการบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองหรือสิ่งที่คุณเชี่ยวชาญ บริการการออกแบบของคุณจะเข้าถึงผู้คนจำนวนมาก ทำให้เกิดการขับเคลื่อนในวงการการออกแบบ และเป็นประโยชน์กับคนทั่วไปที่สนใจจ้างงานนักออกแบบได้มีโอกาสเห็นผลงานที่มีคุณภาพ และสามารถทำงานให้กับพวกเขาได้จริง 2.เวทีที่จะได้บอกเล่าแนวคิดและการทำงานของตัวเอง ได้พบปะผู้คนที่สนใจติดต่อธุรกิจ กับกลุ่ม Buyer และผู้สนใจมากมาย เมื่อคุณได้เข้าร่วมจัดแสดงผลงาน DEBUT WALL และ INNOVATION SHOWCASE แล้ว คุณจะต้องเตรียมสุดยอดพรีเซ็นต์เทชั่น เพื่อบอกเล่าเรื่องราวและแนวคิดการทำงานของตัวคุณหรือบริษัทของคุณเอง และในวันงาน TCDCCONNECT จะเชิญผู้ที่สนใจงานออกแบบ ผู้ที่ต้องการจ้างงาน รวมถึง Buyer จากที่ต่าง ๆ (หากคุณมีผลิตภัณฑ์ที่สามารถขายได้ทันที) มาฟังการพรีเซ็นต์ และมีกิจกรรม Networking ในช่วงท้าย เพื่อพบปะ พูดคุยกันเพื่อโอกาสต่อยอดธุรกิจในอนาคต 3.ตีพิมพ์ผลงานในแผ่นพับของกิจกรรมอยากเข้าร่วม DEBUT WALL ครั้งที่ 18 ต้องทำอย่างไร? หากคุณสนใจส่งผลงานเข้าร่วม DEBUT x INNOVATION MATCHING สามารถสมัครได้ตามกติกาดังนี้ วิธีการสมัครส่งผลงานเข้าร่วม สร้างโปรไฟล์ของคุณเอง ผ่านเว็บไซต์ WWW.TCDCCONNECT.COMโดยกรอกข้อมูลพื้นฐานให้ครบถ้วนสร้าง Portfolio เพื่อนำเสนอผลงานของคุณ (ยิ่งมี Portfolio ทีมีคุณภาพดีก็มีโอกาสสูงที่จะได้รับคัดเลือก)กรอกใบสมัครและรายละเอียดของคุณ คลิกที่นี่เกณฑ์การคัดเลือก เป็นสินค้า / งานออกแบบ / บริการ ที่ไม่ได้ลอกเลียนแบบหรือละเมิดลิขสิทธิ์ใด ๆมุ่งเน้นการนำเสนอสินค้า/ งานออกแบบ / บริการ ที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ ใช้การออกแบบเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจหากมีผู้สนใจว่าจ้าง สามารถทำงานได้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ รับสมัครผลงานเข้าร่วม Debut ครั้งที่ 18 x INNOVATION MATCHING เปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ - 15 มีนาคม 2562ประกาศผลวันที่ 19 มีนาคม 2562เริ่มติดตั้งผลงานวันที่ 25 มีนาคม 2562 ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกทางเว็บไซต์ WWW.TCDCCONNECT.COM และ Facebook Page TCDC CONNECTสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-105-7400 ต่อ 118 หรือ 254 อีเมล : tcdcconnect@cea.or.th ลงทะเบียนออนไลน์????https://www.zipeventapp.com/e/Debut-vol-18 #ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่3
22 ก.พ. 2562
บริการโครงการ "บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างพิจิตรเมืองยิ้ม" ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัดพิจิตร
วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ 2562 ว่าที่ ร.ต.หญิงพรวิไลลักษณ์ เมฆพัฒน์ นักวิชาการอุตสาหกรรมชำนาญการ และ นางสาวกิตติยารัฐ เอกมาตย์ เจ้าหน้าที่พัฒนาผู้ประกอบการฯ ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 3 ออกพื้นที่ให้บริการโครงการ "บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างพิจิตรเมืองยิ้ม" ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในจังหวัดพิจิตร เพื่อประชาสัมพันธ์หน่วยงานกิจกรรมและบริการต่างๆ ของศูนย์ฯ ให้ผู้ประกอบการและบุคคลทั่วไปที่สนใจมาขอรับบริการ เช่น เรื่องเงินทุนหมุนเวียน การออกแบบบรรจุภัณฑ์ และบริการอื่นๆ ณ วัดกำแพงดิน ต.กำแพงดิน อ.สามง่าม จ.พิจิตร โดยมีนายวิทยา มากปาน รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรเป็นประธาน
21 ก.พ. 2562
Thai Franchise & SME Expo (13th edition) @ไบเทคบางนา
Thai Franchise & SME Expo (13th edition) @ไบเทคบางนา งานแสดง Thai Franchise & SME Expo 2019 (ปีที่ 13) เป็นงานแสดงแฟรนไชส์และเอสเอ็มอี สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการมองหาพันธมิตรและโอกาสทางการค้า เพื่อขยายฐานลูกค้าเก่าและเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ พบธุรกิจแฟรนไชส์หลากหลายประเภท อาทิ แฟรนไชส์ร้านอาหาร ร้านกาแฟ เบเกอรี่ ไอศกรีม งานพิมพ์ การศึกษา เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญความงามและอื่นๆ นอกจากเป็นเวทีที่รวมธุรกิจแฟรนไชส์หลากหลายประเภทแล้ว ภายในงานยังมีสัมมนาให้ความรู้เกี่ยวกับธุรกินแฟรนไชส์ และ Workshop สอนอาชีพ เพื่อให้ผู้ที่เข้าชมงานสามารถนำไปต่อยอดธุรกิจของตัวเองได้ งานแสดงแฟรนไชส์และเอสเอ็มอี จัดพร้อมงานแสดงกาแฟ เบเกอรี่ และไอศกรีม ปีที่ 13 วันที่: 28-31 มีนาคม 2562เวลา: 10.00 - 19.00 น.สถานที่: EH 106 BITEC, Bangkok รายละเอียดเพิ่มเติม http://www.thaifranchisesme.com/2019/ #ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่3
21 ก.พ. 2562
กิจกรรมจิตอาสา "เราทำความดีด้วยหัวใจ" มอบฝายมีชีวิตต้นแบบ จังหวัดพิจิตร
20 กุมภาพันธ์ 2562 นายพันธุ์เทพ ทิพยเนตร นักวิชาการอุตสาหกรรม ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 3 และเจ้าหน้าที่ เข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสา "เราทำความดีด้วยหัวใจ" มอบฝายมีชีวิตต้นแบบ จังหวัดพิจิตร เพื่อน้อมนำเอาศาสตร์พระราชา และแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ในการสร้างความสมดุลและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอันทรงคุณค่า คือ "ทรัพยากรน้ำ"เพื่อมุ่งหวังแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่แบบบูรณาการ ณ คลองม่วง หมู่ 6 ต.เขาเจ็ดลูก อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร โดยมี นายวรพันธุุ์ สุวัณณุสส์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร เป็นประธาน
20 ก.พ. 2562
จับตา 3 เทรนด์เด่นธุรกิจอีคอมเมิร์ซในอาเซียน พร้อมคาดมูลค่าทะลุ 3.1 ล้านล้านบาท ในปี 2025
จับตา 3 เทรนด์เด่นธุรกิจอีคอมเมิร์ซในอาเซียน พร้อมคาดมูลค่าทะลุ 3.1 ล้านล้านบาท ในปี 2025 Sea (Group) ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตแพลตฟอร์มชั้นนำ อาทิ การีนา (Garena) ช้อปปี้ (Shopee) และ แอร์เพย์ (AirPay) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และไต้หวัน ชี้เทรนด์อีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่น่าจับตามองในปี 2562 พร้อมคาดการณ์ธุรกิจอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงเป็นธุรกิจดาวเด่น และคาดว่าจะสามารถทำยอดขายได้มากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ภายในปี 2025 ดร.สันติธาร เสถียรไทย Group Chief Economist Sea (Group) กล่าวว่า ปี 2561 ที่ผ่านมา นับเป็นอีกหนึ่งปีที่ดีของอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซท่ีแนวโน้มการเติบโตดีอย่างต่อเนื่อง โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังมองในมุมบวกว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซในอาเซียนน่าจะยังเติบโตได้อย่างแข็งแรงต่อในปี 2562 สวนทางกับทิศทางเศรษฐกิจโลก ที่หลากหลายมุมมองจากนักเศรษฐศาสตร์สำนักต่างๆ คาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงในปีนี้ จากปัจจัยต่างๆ เช่น สงครามการค้าระหว่างประเทศ และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะที่รายงานจากกูเกิ้ล (Google) และเทมาเส็ก (Temasek) ระบุว่า อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เติบโตเฉลี่ยต่อปีมากกว่า 62% ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยคาดการณ์ว่าจะยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ผลักดันให้ยอดขายทั้งหมด (GMV) มีมูลค่ามากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.1ล้านล้านบาท) ภายในปี 2025 จากปัจจัยบวกที่เกื้อหนุน ทั้งการที่ผู้คนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตมากขึ้นผ่านทางโทรศัพท์สมาร์ทโฟน การลงทุนจากภาคเอกชนและรัฐเพื่อพัฒนาระบบนิเวศน์ของอีคอมเมิร์ซ บวกกับการที่ยอดขายบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังมีสัดส่วนอยู่เพียง 3-5% ของยอดขายจากการค้าปลีกทั้งหมด นับว่ายังมีขนาดค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับประเทศจีนและสหรัฐอเมริกาที่สัดส่วนยอดขายอีคอมเมิร์ซสูงถึง 20% และ 10% ตามลำดับ ทำให้ยังมีโอกาสที่จะขยายตัวได้อีกมาก แต่หากมองเจาะลึกลงไปอีกขั้นจะพบว่า สิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดดคือ “รูปแบบ” ของการขยายตัวและการพัฒนาของอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคนี้ที่กำลังเปลี่ยนแปลงพลิกโฉมอย่างมหาศาลเช่นกัน โดยมี 3 เทรนด์ที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด ประกอบด้วย 1. ปรากฎการณ์ ‘Experiential ecommerce’ หรือ การที่อีคอมเมิร์ซกลายเป็นเรื่องของคนซื้อ “ประสบการณ์” ไม่ใช่แค่ซื้อของ – คล้ายกับการไปห้างสรรพสินค้าซึ่งในปัจจุบันความต้องการของผู้ใช้อีคอมเมิร์ซไม่หยุดอยู่เพียงแค่การซื้อสินค้าที่ตนเองต้องการ แต่ยังชอบที่จะค้นพบสินค้าใหม่ที่ตนไม่เคยรู้จักมาก่อน มองหาความเพลิดเพลินจากการใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และพอใจที่จะมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับเพื่อนและผู้คนในแวดวงของตนเองอีกด้วย ผู้บริโภคอาจเข้าแอปพลิเคชันโดยที่ยังไม่มีสินค้าที่อยากซื้ออยู่ในใจ แต่เข้ามาเพื่อมองหาสินค้าและข้อเสนอที่น่าสนใจจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและสอบถามข้อมูลจากผู้ขายเมื่อพบสินค้าที่ตนเองสนใจการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) บวกกับบิ๊กดาต้า เพื่อให้รู้จักผู้บริโภคและสามารถปรับสินค้าแนะนำที่แต่ละคนจะเห็นจึงกลายเป็นเรื่องที่สำคัญมาก นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังเข้าแอปพลิเคชันมาเพื่อเล่นมินิเกม เช่น เกมตอบคำถามแบบในเกมโชว์ ที่ดำเนินรายการโดยดาราที่เราคุ้นเคย เพื่อชิงรางวัลได้เป็นส่วนลดไปใช้ในการช้อปปิ้งต่อได้ ที่สำคัญผู้เล่นยังสามารถเข้าไปเล่นร่วมกับเพื่อนไปพร้อมๆกัน เป็นกิจกรรมไม่ได้ทำคนเดียวแต่มีมิติของสังคมผสมเข้าไปด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือพรมแดนระหว่างการช้อปปิ้ง แวดวงสังคม และความบันเทิงจางหายไป ทำให้ตัวชี้วัดความสำเร็จของอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ปัจจัยที่เมื่อก่อนนักวิเคราะห์อาจไม่สนใจเช่น “ระยะเวลา” ที่ผู้คนใช้บนแอปพลิเคชันก็ได้กลายเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง 2. อีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มกลายเป็น “เพื่อนคู่คิดภาคดิจิทัล” สำหรับผู้ขายออฟไลน์ เมื่อพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ กำลังได้รับบทบาทใหม่ทางธุรกิจ ที่มากกว่าแค่ ‘ช่องทางจำหน่ายออนไลน์’ แต่ได้กลายเป็นเพื่อนคู่คิดของแบรนด์ออฟไลน์ต่างๆ โดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ดาต้า คาดการณ์ความต้องการผู้บริโภค ช่วยนำเสนอแนวทางการโฆษณาและทำการตลาด โปรโมชั่น รวมไปถึงแก้ปัญหาเรื่องโลจิสติกส์ การชำระเงิน เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคมากขึ้นอีกด้วย แม้ผู้ค้าปลีกต่างๆจะเห็นความสำคัญของตลาดออนไลน์มานานแล้วสิ่งที่เปลี่ยนไปจากแต่ก่อนก็คือ ร้านและแบรนด์ออฟไลน์ทุกเจ้าไม่จำเป็นต้องเปิดและลงทุนเงินมหาศาลในการสร้างร้านออนไลน์ของตนเองจากศูนย์เพราะสามารถหันมาจับมือใช้บริการของอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านนี้ได้ เทรนด์นี้ได้เกิดขึ้นแล้วในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในช่วงที่ผ่านมาแบรนด์ที่ผลิตสินค้าอุปโภค-บริโภค และร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ อาทิ ‘Miniso’ ในสิงค์โปร ‘Nestle’ ในมาเลเชีย และ ‘Big C’ ในประเทศไทย ได้เปิดร้านในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดมากขึ้นเพื่อพัฒนาบริการให้ผู้บริโภค 3. อีคอมเมิร์ซ “เปิดประตู” สู่ผู้บริโภคและผู้ขายใหม่ที่ไม่เคยค้นพบมาก่อน แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสามารถช่วยให้กลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย หรือ กลุ่ม micro-entrepreneurs และ SME สามารถเข้าถึงตลาดใหม่ๆ ที่ไม่ได้กำจัดพื้นที่อยู่แค่ตลาดท้องถิ่นที่ผู้ประกอบการรายย่อยนั้นดำเนินการอยู่ อีกทั้งยังสร้างโอกาสให้กับแบรนด์ชั้นนำต่างๆ ให้เข้าถึงกลุ่มตลาดใหม่ ที่ไม่ใช่แค่ตลาดหลักดั้งเดิมของแบรนด์นั้นๆ อีกด้วย ยกตัวอย่างจากประสบการณ์ของช้อปปี้ (Shopee) ได้ทำงานร่วมกับธุรกิจจำหน่าย ‘ปลาร้า’ แห่งหนึ่งซึ่งปกติจะพบข้อกำจัดด้านการจัดส่งและการเข้าถึงลูกค้า หลังจากได้เปิดช่องทางออนไลน์ SME รายนี้สามารถเพิ่มยอดขายได้ถึง 2 เท่าในเวลา 3 เดือน จนสุดท้ายติดลมบนพัฒนาจนกลายเป็นผู้ส่งออกไปต่างประเทศ เช่น ออสเตรเลีย ฟิลิปปินส์ แต่ความสำเร็จเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ เพราะยังมี SME จำนวนมากที่ไม่คุ้นกับการใช้อีคอมเมิร์ซ โดยการศึกษาของ Bain & Company ชี้ให้เห็นว่าแม้วิสาหกิจขนาดย่อมส่วนใหญ่ของไทยเห็นประโยชน์ของการขายออนไลน์มีไม่ถึง 50% ที่ได้ทำจริง การร่วมมือกันระหว่างอีคอมเมิร์ซแพลตฟอร์มและรัฐบาลในการจัดคอร์สอบรมเพื่อช่วยให้ร้านค้าเหล่านี้ใช้อีคอมเมิร์ซได้เต็มที่อย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง สุดท้ายไม่ใช่เพียงฝั่งผู้ขายเท่านั้นที่จะเชื่อมเข้าสู่ตลาดได้ง่ายขึ้น ผู้บริโภคที่อาจอยู่ในถิ่นที่ไม่ค่อยมีร้านค้าปลีกให้เลือกมากนักก็สามารถใช้อีคอมเมิร์ซเพื่อให้ได้สินค้าโดยเฉพาะของจำเป็นที่ต้องการได้ โดยข้อมูลของช้อปปี้ชี้ให้เห็นว่ากลุ่มลูกค้าที่อาศัยอยู่นอกเขตเมืองหลวง ได้กลายเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีความสำคัญมากขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “กล่าวโดยสรุปคือ อีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และประเทศไทยเปรียบเสมือนยังอยู่ใน “วัยเยาว์” ที่ไม่เพียงเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่มีการเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการอยู่ตลอด ต้องลองมาจับตาดูว่าเทรนด์ที่น่าจับตาในปี 2562 ของธุรกิจอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ยังคงอยู่ในช่วงตลาด ‘Sunrise’ และมีการเติบโตของอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างต่อเนื่องนี้จะเป็นประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมและธุรกิจต่างๆ ในภาพกว้าง รวมทั้งเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศไทยอย่างไรบ้าง” CR : www.brandbuffet.in.th#ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่3
20 ก.พ. 2562
กิจกรรมงาน "เติมรักวันวาน ย่านเก่าวังกรต" ณ ชุมชนย่านเก่าวังกรต ต.บ้านบุ่ง อ.เมือง จ.พิจิตร
16 กุมภาพันธ์ 2562 นางเฉลา ศรีเพ็ชร์ ผอ.ศภ.3 กสอ. พร้อมด้วย น.ส.ชมพูนาถ อ่อนตานนท์ และนายภาณุวัฒน์ สาริโท จนท.ศภ.3 กสอ. ได้เข้าร่วมงาน "เติมรักวันวาน ย่านเก่าวังกรต" ณ ชุมชนย่านเก่าวังกรต ต.บ้านบุ่ง อ.เมือง จ.พิจิตร โดยมีท่านผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร นายวรพันธุ์ สุวัณณุสส์ เป็นประธานในพิธี ในการนี้ ท่านผู้อำนวยการศูนย์ฯ ได้ร่วมเป็นเกียรติและเป็นสักขีพยานรัก ให้กับคู่เจ้าสาว เจ้าบ่าว ในพิธีมงคลสมรสหมู่ จำนวน 13 คู่ จาก 12 อำเภอ ที่ร่วมในพิธีมงคลสมรส และจดทะเบียนสมรส ที่ตึกบ้านหลวงประเทืองคดี
16 ก.พ. 2562
โครงการ “SME D Digital Market Place” มุ่งพาผู้ประกอบการไทยเข้าสู่ถนนดิจิทัล
นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank หรือ ธพว.) เปิดเผยว่า SME D Bank ประสานความร่วมมือกับ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดตัวโครงการ “SME D Digital Market Place” มุ่งพาผู้ประกอบการไทยเข้าสู่ถนนดิจิทัล เพื่อให้บริการด้านการตลาดและเพิ่มโอกาสทางการค้าให้แก่ ผู้ประกอบการ SMEsไทย ต่อยอดโอกาสและช่องทางการกระจายสินค้าโดยประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อดิจิตัล พร้อมทั้งส่งเสริม ผลักดัน และยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นไทยให้สามารถแข่งขันบนตลาดโลกได้อย่างยั่งยืนผ่านแพลตฟอร์มสื่อโทรทัศน์ และ สื่อดิจิทัล โครงการ “SME D Digital Market Place” เป็นความร่วมมือระหว่าง 2 องค์กร สืบเนื่องจากการเล็งเห็นโอกาสในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จากสัดส่วนการตลาด TV Shopping ที่ขยายตัวสูงถึง 8,000 ล้านบาทตั้งแต่ช่วงปี 2558 ที่ผ่านมา เกิดไอเดียส่งเสริมระบบ E-Commerce หรือดิจิทัลแพลตฟอร์ม ให้กลุ่มสตาร์ทอัพ และ SMEs ได้แจ้งเกิด โดยการนำ 50 ผู้ประกอบการดาวรุ่ง สินค้าที่มีความโดดเด่น เข้าดูแลส่งเสริมการตลาดแบบครบวงจร ในรูปแบบของสปอตโทรทัศน์ และสกู๊ปพิเศษแนะนำสินค้า การประชาสัมพันธ์ผ่านSocial Media รวมไปถึงระบบการจัดการหลังบ้าน ให้แก่ธุรกิจในกลุ่ม SMEs โดยในเบื้องต้นจะเริ่มดำเนินการเป็นระยะเวลา 3 เดือนก่อน ภายใต้การดูแลของ SME D Bank และ บมจ.อสมท สนับสนุนการติดปีกก้าวสู่ตลาดดิจิทัลครบวงจร สามารถขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลในการสร้างผู้ประกอบการก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 ต่อไป โดยกลุ่มธุรกิจที่เข้าร่วมโครงการจะเป็น ลูกค้า และ ผู้ประกอบการ SMEs ที่มีศักยภาพ ภายใต้การดูแลของ SME D Bank ที่มีความน่าสนใจ มีความโดดเด่น มีอัตลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ในคลัสเตอร์ต่างๆ และเป็นการต่อยอดความร่วมมือ โครงการ SME D Scaleup Society เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา อาทิ กลุ่มผลิตภัณฑ์แปรรูปยางพารา และกลุ่มอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร เป็นต้น โครงการ “SME D Digital Market Place” เป็นจุดเริ่มต้นความร่วมมือของ 2 องค์กรจากภาครัฐ สะท้อนความสำเร็จในการร่วมมือขับเคลื่อนพัฒนาอุตสาหกรรมธุรกิจ SMEs อีกทั้งยังเชื่อมั่นว่าจะสามารถเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงผู้บริโภค ขยายช่องทางในการจัดจำหน่าย สร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการ และยกระดับเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล สามารถประกอบกิจการค้าขายพัฒนาสู่ความยั่งยืนทางเศรษฐกิจต่อไป ข้อมูลเพิ่มเติม: ฝ่ายส่งเสริมกิจกรรมพัฒนาผู้ประกอบการ โทร 02 265 -4494, 02 265 -3009, 02 265 -4579 : อ่านต่อได้ที่ https://www.smebank.co.th/en/news/detail/704 CR : www.smebank.co.th#ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่3
15 ก.พ. 2562