โทรศัพท์ 1358
การค้นหาขั้นสูง

หมวดหมู่
ประชุมระดมความคิดเห็นและติดตามความก้าวหน้าโครงการหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (CIV) บ้านลานดอกไม้ตก อ.โกสัมพีนคร จ.กำแพงเพชร
วันอังคารที่ 13 พฤศจิกายน 2561 นางเฉลา ศรีเพ็ชร์ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 3 และเจ้าหน้าที่ เข้าร่วมประชุมระดมความคิดเห็นและติดตามความก้าวหน้าโครงการหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (CIV) บ้านลานดอกไม้ตก อ.โกสัมพีนคร จ.กำแพงเพชร โดยมีนายสมเกียรติ ราชคมน์ อุตสาหกรรมจังหวัดกำแพงเพชร เป็นประธานการประชุม ณ ห้องประชุมสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดกำแพงเพชร ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดกำแพงเพชร
13 พ.ย. 2561
การตรวจสอบภายในศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 3
วันจันทร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2561 นางเฉลา ศรีเพ็ชร์ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 3 เป็นประธานเปิดการตรวจสอบภายในศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 3 โดยมีนางสาวอัญชลีย์พร เขียวเกษม ผู้อำนวยการกลุ่มตรวจสอบภายใน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และคณะฯ เป็นผู้ตรวจสอบ ณ ห้องประชุมชั้น 2 ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 3 จ.พิจิตร
12 พ.ย. 2561
10 เคล็ดลับในการใช้ Instagram สำหรับธุรกิจ
10 เคล็ดลับในการใช้ Instagram สำหรับธุรกิจ นอกจาก Facebook แล้วยังมีโซเชียลมีเดียอื่นๆ ที่ให้แบรนด์เลือกใช้ในการสื่อสารกับผู้บริโภค ลองมาดู 10 เคล็ดลับในการใช้ Instagram ในเชิงธุรกิจกันดูบ้าง โซเชียลมีเดียแต่ละตัวขึ้นชื่อว่ามีคาแรคเตอร์ที่แตกต่างกันออกไป และมีกลุ่มผู้ใช้งานที่แตกต่างกันด้วย สำหรับ Instagram หลายคนเล่นเพื่อต้องการโชว์รูปภาพสวยๆ ไม่ต้องการเน้นอ่านข้อความใดๆ มาก แต่ในช่วงหลังก็ได้ออกฟีเจอร์ใหม่ๆ ทีเน้นเรื่องวิดีโอมากขึ้น ทำให้คนใช้งานแอคทีฟขึ้นเช่นกัน พบว่ามีหลายแบรนด์ที่เลือกใช้ Instagram ในการสร้างแบรนด์มากขึ้น ทำให้การเติบโตของการใช้งานสำหรับภาคธุรกิจเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีงานวิจัยพบว่า 66% ของแบรนด์มีการใช้ Instagram ในการสื่อสารกับผู้บริโภค ถือว่าเป็นการใช้โซเชียลมีเดียเป็นอันดับที่ 2 เพิ่มขึ้นจากอันดับที่ 4 ในปี 2017 หากแบรนด์ไหนที่วางแผนอยากใช้งาน Instagram ลองดู 10 เคล็ดลับในการใช้งานสำหรับธุรกิจ 1. เป็นตัวตนของตัวเองดีที่สุด แบรนด์ต่างๆ มักโดนกับดักของการใช้ภาพจาก Stock หรือภาพกราฟิกโปรโมตแบบเกินจริง แต่จริตของ Instagram เป็นเรื่องของความเรียล ความจริงใจ การที่ใช้ภาพแบบธรรมชาติยังช่วยให้ผู้บริโภคได้เห็นวัฒนธรรม หรือความเป็นตัวตนของแบรนด์ได้มากขึ้นด้วย ต้องโกไลฟ์แล้วตอนนี้การไลฟ์สดกลายเป็นเทรนด์ของการตลาดบนโลกออนไลน์ไปแล้ว โดยที่ 61% ของนักการตลาดบอกว่าพวกเขาวางแผนที่จะเพิ่มกลยุทธ์การไลฟ์สดให้มากขึ้น เพราะผู้ชมชอบดูคอนเทนต์แบบเรียลไทม์ จังหวะต้องดีInstagram เป็นแพลตฟอร์มที่มีการโพสท์คอนเทนต์ง่ายที่สุดแพลตฟอร์มหนึ่ง สามารถถ่ายภาพได้ทุกที่ที่คุณอยู่ พูดในที่ประชุม อยู่ในออฟฟิศ เปิดตัวสินค้าใหม่ แต่การโพสท์ต้องมีจังหวะในการโพสท์ที่ดี ต้องมีภาพที่เหมาะสมอยู่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม ต้องมีการสนทนาตอบโต้เช่นเดียวกันกับโซเชียลมีเดียอื่นๆ ที่ต้องสร้างเอ็นเกจเมนต์กับผู้บริโภคให้ได้ เมื่อมีการโพสท์ก็ต้องมีการโต้ตอบ มีการสนทนาทั้งกับผู้บริโภคเอง หรือจะเป็นผู้มีอิทธิพลต่างๆ บนโลกออนไลน์ด้วยก็ได้ แนบลิงก์แปะบนประวัติของคุณความท้าทายที่พบเจอบ่อยมากที่สุดในการใช้ Instagram ก็คือผู้ใช้ไม่สามารถโพสท์ลิงก์บนแคปชั่น หรือคำบรรยายใต้ภาพได้ แต่สามารถแนบลิงก์ในส่วนของประวัติส่วนตัวที่อยู่ด้านบนของแพลตฟอร์มได้ จะเปลี่ยนลิงก์ตามจังหวะ หรือช่วงที่ต้องการโปรโมตสินค้า โปรโมชั่นต่างๆ ได้ ต้องเป็น StorytellerInstagram มีคาแรคเตอร์ในการเล่าเรื่องราวผ่านภาพ โพสท์ต่างๆ ควรเป็นมากกว่าการโพสท์โปรโมตแบรนด์ หรือสินค้า โปรโมชั่น แต่ควรเป็นการเล่าเรื่องราว เล่าสตอรี่ต่างๆ ผ่านภาพ และเชื่อมโยงมายังแบรนด์ เป็นอีกวิธีในการดึงดูดความสนใจได้ เทคโอเวอร์บัญชีอื่นๆการเข้าเทคโอเวอร์บัญชีที่มีฐานผู้ติดตามอยู่แล้ว ไม่ว่าจะป็นพาร์ทเนอร์ หรือคู่ค้าต่างๆ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีในการสร้างทางลัดของการสร้างบัญชีเช่นกัน หรือมีการทำคอนเทนต์ร่วมกันกับบัญชีอื่นๆ ช่วยดึงดูดความสนใจ และเกิดประโยชน์ทั้งสองฝ่ายได้ ได้ดาต้าของผู้ชมนอกจากจะได้สื่อสารกับผู้บริโภคแล้ว ยังสามารถเก็บดาต้าของลูกค้า หรือผู้ติดตามได้ด้วย อาจจะเป็นจากการตอบคำถามจากคลิปวิดีโอสั้นๆ นำเสนอข้อเสนอพิเศษได้ ฟีเจอร์ Stories เป็นอีกฟีเจอร์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้ใช้ ทำให้มีการใช้งานแอคทีฟมากขึ้น แบรนด์ก็เริ่มมีการใช้ในการสื่อสารกับผู้ชมเช่นกัน โดยสามารถนำเสนอข้อเสนอพิเศษสำหรับคนที่ติดตาม Stories ของคุณได้ เพื่อกระตุ้นให้ผู้ชมมีส่วนร่วม และสร้างเอ็นเกจเมนต์กับแบรนด์ อย่าแค่ถาม แต่ต้องให้แสดงความคิดเห็นในอดีตแบรนด์อาจจะแค่ทำการสำรวจกับผู้บริโภคโดยการโพสท์ภาพบางอย่าง เพื่อทำการสำรวจความนิยมสินค้าในอนาคต แต่อย่าลืมที่จะให้ผู้บริโภคแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมด้วย อาจจะเปิดให้ Direct Messages หรือคอมเม้นต์ แล้วเอาความคิดเห็นมาพัฒนาต่อไปในอนาคต เชื่อเถอะว่ามันดีกว่าการตั้งคำถามปลายปิดว่าอันไหนดีกว่ากัน CR : Brandinside #ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่3
12 พ.ย. 2561
World Bank เผย ไทยครองอันดับ 3 ใน ASEAN ทำเริ่มต้นธุรกิจง่ายที่สุด แชมป์คือ “สิงคโปร์”
World Bank เผย ไทยครองอันดับ 3 ใน ASEAN ทำเริ่มต้นธุรกิจง่ายที่สุด แชมป์คือ “สิงคโปร์” World Bank จัดทำรายงานประเทศที่เริ่มต้นธุรกิจได้ง่ายที่สุด โดยอันดับ 1 ของอาเซียนคือประเทศสิงคโปร์ ส่วนประเทศไทยปีที่ผ่านมามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยได้อันดับที่ 3 ของอาเซียน แต่ยังตามมาเลเซียอยู่ World Bank เผยรายงาน The Doing Business 2019 ซึ่งรายงานถึงความยากง่ายในการเริ่มต้นทำธุรกิจทั่วโลกฉบับล่าสุด ซึ่ง World Bank จัดทำรายงานนี้มากว่า 16 ปีแล้ว โดยปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงหลายอันดับ ไม่ว่าจะเป็น อินเดีย จีน หรือแม้แต่ประเทศไทย ที่มีพัฒนาการของประเทศที่ดีขึ้น การประเมินด้านต่างๆ ของ World Bank ในรายงานฉบับนี้ประกอบไปด้วยการขอจดทะเบียนทำธุรกิจ การขออนุญาตก่อสร้างโรงงานหรือคลังสินค้า การขอติดตั้งไฟฟ้าเข้าสู่ธุรกิจ เรื่องของภาษี ข้อกฏหมายต่างๆ หรือแม้แต่ในด้านของแรงงาน ฯลฯ สำหรับในปีนี้ประเทศไทยครองอันดับที่ 27 ในรายงานนี้ และเป็นอันดับ 3 ในอาเซียน ส่วนแชมป์ในอาเซียนนั้นยังคงเหมือนเดิมคือประเทศสิงคโปร์ ตามมาด้วยมาเลเซีย ส่วนอันดับท้ายสุดคือติมอร์ตะวันออก มุมมองของ World Bank สำหรับพัฒนาการของประเทศไทยในปีที่ผ่านมาสำหรับการเริ่มต้นทำธุรกิจ มองว่าการขอไฟฟ้าง่ายขึ้น การจดทะเบียนธุรกิจใหม่ง่ายขึ้นกว่าเดิม มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการขนส่งสินค้าข้ามชายแดน อย่างเช่น E-Matching รวมไปถึงการจ่ายภาษีของกรมสรรพากรที่สะดวกมากยิ่งขึ้น ส่วนอันดับ 1 ในการทำธุรกิจที่ง่ายที่สุดในโลกคือประเทศนิวซีแลนด์ ในปีที่ผ่านมานั้นประเทศนิวซีแลนด์ได้ลดค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนธุกิจลดลงกว่าเดิม และมีขั้นตอนต่างๆ ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงก็สามารถจดทะเบียนบริษัทในประเทศได้ ส่วนประเทศจีนสามารถทำอันดับให้ติด 1 ใน 50 ประเทศที่สามารถทำธุรกิจได้ง่าย ปีที่ผ่านมานั้นทางการจีนพัฒนาในเรื่องสำคัญๆ โดยเฉพาะการขอติดตั้งไฟฟ้าจากเดิมอยู่ที่ประมาณ 150 วัน ลดลงเหลือเพียงแค่ประมาณ 30 วัน ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญมาก อีกประเทศที่ต้องจับตามองคือประเทศอินเดีย หลังจากที่นายกรัฐมนตรีของประเทศอินเดียเคยประกาศศนโยบายให้ประเทศอินเดียสามารถทำธุรกิจได้ง่ายขึ้นมากกว่าเดิม ล่าสุดในรายงานนี้ อินเดียสามารถติดอันดับที่ 77 ประเทศที่ทำธุรกิจได้ง่าย ซึ่งในปีที่แล้วอินเดียนั้นอยู่ที่อันดับ 100 CR : Brandinside #ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่3
09 พ.ย. 2561
" จีนขน 200 บริษัท เจาะไทย-อาเซียน!! " 2018 ASEAN (BANGKOK) CHINA IMPORT & EXPORT COMMODITIES FAIR (ACIEC2018)
" จีนขน 200 บริษัท เจาะไทย-อาเซียน!! "2018 ASEAN (BANGKOK) CHINA IMPORT & EXPORT COMMODITIES FAIR (ACIEC2018) 16-18 พฤศจิกายน 2561@ อิมแพค เมืองทองธานี จีนเปิดเกมรุก! ขน 200 บริษัทชั้นนำ จาก 10 มณฑล จัดงานแฟร์ใหญ่ เล็งหาคู่ธุรกิจเปิดตลาดระบายสินค้าในไทยและอาเซียน ลดผลกระทบสงครามการค้า ขณะเชิญ 130 ประเทศ จัดงานที่เซี่ยงไฮ้ ระบุเป็นครั้งแรกจีนจะเป็นผู้ซื้ออย่างเดียว เป้าลดนำเข้าจากสหรัฐฯ พาณิชย์ส่งสัญญาณ 3 สินค้าจีน-สหรัฐฯ ทะลักไทยพุ่ง สงครามการค้าที่สหรัฐอเมริกากดปุ่มขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนไป 3 รอบแล้ว รวมกว่า 6,800 รายการ คิดเป็นมูลค่า 2.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้สินค้าจีนต้องเร่งหาที่ระบายทดแทนการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ หนึ่งในตลาดหลักที่จีนมอง คือ อาเซียน ซึ่งรวมทั้งไทย จัดทัพ 200 บริษัท ลุยไทยนายอู๋ จื้อ อี้ นายกสมาคมการค้าและการลงทุนเอเชียนสากล เผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ระหว่างวันที่ 16-18 พ.ย. นี้ ทางสมาคมจะจัดงานมหกรรมแสดงสินค้ามาตรฐานไทยและจีนส่งออก (ACIEC 2018) ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยการจัดครั้งนี้ได้นำผู้ประกอบการจาก 10 มณฑลของจีน รวมประมาณ 200 บริษัท มาจัดแสดงสินค้า เป้าหมายเพื่อเจรจาธุรกิจ การจัดบิสิเนสแมตชิ่ง เพื่อหาคู่ค้า และตัวแทนจำหน่ายเพื่อเปิดตลาดการค้าในไทยและอาเซียนให้มากขึ้น สินค้าที่จะนำมาจัดแสดงในครั้งนี้ ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ยาจีนและยาสมุนไพรจีน เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าและผิวกาย อุปกรณ์การแพทย์ เครื่องจักรอิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์การก่อสร้าง เครื่องจักรกลการเกษตร อุปกรณ์ทางการเกษตร เครื่องใช้ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์อนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม อะไหล่เครื่องยนต์และจักรยานยนต์ สิ่งทอ และอาหารแปรรูป เป็นต้น "200 บริษัทจีน ที่จะมาจากเมืองหลานโจว มณฑลกานซู่มากที่สุดกว่า 30 บริษัท นอกจากนี้จะมีบริษัทไทยมาร่วมออกงาน 40-50 บูธ และจากลาวอีกประมาณ 10 บูธ เป้าหมายผู้ชมงานที่เป็นนักธุรกิจและประชาชนทั่วไปเข้าชมงานไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นราย" แหล่งข่าวจากหอการค้าไทย มองว่า การจัดงานครั้งนี้เป้าหมายหลัก นอกจากเพื่อเปิดตลาดการค้าสินค้าจีนในไทยและอาเซียนให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นแล้ว ส่วนหนึ่งเพื่อระบายสินค้าจีนที่ได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีสินค้าจีนของสหรัฐฯ ทำให้มีต้นทุนที่สูงขึ้นและขายได้ลดลง นายอู๋ จื้อ อี้ เผยอีกว่า จากผลกระทบสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ล่าสุด ทางการจีนได้สั่งให้มีการจัดงานแสดงสินค้าจากต่างประเทศที่เซี่ยงไฮ้ ชื่องาน China International Import Expo ตัวย่อ CIIE ระหว่างวันที่ 5-10 พ.ย. 2561 การจัดงานครั้งนี้มีความพิเศษ คือ ได้เชิญผู้ประกอบการจาก 130 ประเทศทั่วโลก ทั้งจากอาเซียน ซึ่งรวมทั้งไทย ญี่ปุ่น ยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง รวมถึงสหรัฐฯ และอื่น ๆ มาจัดแสดงสินค้า โดยที่ไม่มีภาคธุรกิจของจีนร่วมแสดงสินค้า แต่ภาคธุรกิจของจีนจะเป็นผู้ซื้อสินค้าเพียงอย่างเดียว "จีนต้องการซื้อสินค้าจากประเทศอื่น เพื่อทดแทนสินค้าสหรัฐฯ ที่ถูกขึ้นภาษีมากขึ้น จากปัจจุบัน คู่ค้า 4 อันดับแรกของจีน ได้แก่ ยุโรป สหรัฐฯ อาเซียน และญี่ปุ่น" เป้าตลาดจีน-สหรัฐฯ ปี 62 ยังบวกนางสาวจีรนันท์ หิรัญญสัมฤทธิ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) หรือ ทูตพาณิชย์ ณ นครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน กล่าวว่า สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ด้านบวกส่งผลดีต่อสินค้าเกษตรของไทยที่ส่งออกไปจีนและสหรัฐฯ เพื่อทดแทนสินค้าของอีกฝ่ายได้เพิ่มขึ้น ส่วนด้านการลงทุน มองว่าทั้งจีนและสหรัฐฯ จะมีการย้ายหรือขยายฐานการผลิตมายังประเทศในเอเชียมากขึ้น โดยไทยเป็นหนึ่งในตัวเลือก ส่วนด้านลบ กลุ่มสินค้าที่ไทยเป็นซัพพลายเชนให้กับจีน เพื่อผลิตและส่งออกต่อไปสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบ "ภาพรวมการส่งออกไทยไปจีนช่วง 8 เดือนแรกปีนี้ มีมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวที่ 6.2% ทั้งปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 2.95 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คาดว่าน่าจะได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ ส่วนปี 2562 เบื้องต้น ได้ตั้งส่งออกไปตลาดจีนจะขยายตัวได้ที่ 12% มูลค่า 3.18 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยแผนงานกิจกรรมที่จะดำเนินการ คือ การเจาะตลาดสินค้ากลุ่มไฮเอนด์ รุกสู่เมืองรองและรุกค้าออนไลน์ให้มากขึ้น" นายนพดล ทองมี ผู้อำนวยการ สคต. ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เผยว่า ช่วง 8 เดือนแรกปีนี้ ยอดส่งออกไทยไปสหรัฐฯ ขยายตัว 5.4% ส่วนเป้าทั้งปีอยู่ที่ 6% คาดจะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย ส่วนเป้าตลาดสหรัฐฯ ปี 2562 ต้องรอเสนอ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่จะมาให้นโยบายในวันที่ 18 ต.ค. นี้ก่อน แต่เบื้องต้น คาดจะขยายตัวในอัตราใกล้เคียงกับปีนี้ที่ 5-6% อย่างไรก็ดี ในปีหน้าสิ่งที่ต้องระวัง คือ สหรัฐฯ กำลังมอง 10 ประเทศแรก ที่ได้ดุลการค้าสหรัฐฯ แม้ไทยจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มนี้ แต่ก็มีความสุ่มเสี่ยงที่อาจถูกใช้มาตรการเพื่อลดการขาดดุลการค้า โดยสินค้าที่ต้องเฝ้าระวัง อาทิ ยานยนต์และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ หรือ อุตสาหกรรมหนัก เป็นต้น ด้าน นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงผลกระทบทางอ้อมจากสงครามการค้า มีสัญญาณของการระบายสินค้าที่ถูกใช้มาตรการมายังไทย ช่วง 8 เดือนแรกปีนี้ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขยายตัวเพิ่มขึ้น เช่น ถั่วเหลือไทยมีการนำเข้าจากสหรัฐฯ เพิ่ม 50% จากจีนเพิ่ม 4%, เครื่องสำอางจากจีนเพิ่มขึ้น 50% จากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 18% และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากจีนเพิ่มขึ้น 125% และจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 10% เป็นต้น CR : ฐานเศรษฐกิจ#ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่3
08 พ.ย. 2561
รายงาน Global Digital Trends ไตรมาส 4 ปี 2018 มีคน 3.4 พันล้านคน เล่น Social Media เป็นประจำ
รายงาน Global Digital Trends ไตรมาส 4 ปี 2018 มีคน 3.4 พันล้านคน เล่น Social Media เป็นประจำ Hootsuite และ We are Social เปิดเผยรายงาน 2018 Global Digital Trends ประจำไตรมาส 4 เผยให้เห็น “พันล้านถัดไป” กำลังจะกลายเป็นเรื่องจริงในเร็ววัน เนื่องมาจากมีผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตมากขึ้นเรื่อยๆ ในประเทศกำลังพัฒนา โดยตอนนี้มนุษย์กว่า 4.18 พันล้านคนเข้าถึงโลกอินเทอร์เน็ต และมีคน 3.4 พันล้านใช้โซเชี่ยลมีเดียเป็นประจำ ทำให้คำพูดที่ว่า “อินเทอร์เน็ตกำลังจะครอบครองโลก” อาจจะกลายเป็นจริง เพราะโลกแห่งความบันเทิงที่ถูกเปิดกว้าง ให้ได้ง่ายและสะดวกสบาย ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีรายงานมากมายออกมาเปิดเผยจำนวนผู้ใช้อินเตอร์เน็ตจำนวนมากด้วยอัตราการเติบโตที่รวดเร็วในแต่ละปี จึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่หากในปี 2018 นี้จะมีมนุษย์เกือบ 4.2 พันล้านคนอยู่บนโลกออนไลน์ ซึ่ง 3.4 พันล้านในจำนวนนั้นคือผู้ใช้ Social Media เป็นประจำ รายงานนี้ยังแสดงให้เห็นถึงมีคนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ติดต่อกันทางอุปกรณ์มือถือ จากผู้ใช้อินเตอร์เน็ตผ่านมือถือ 5.11 พันล้านคน มี 3.17 พันล้านคนที่เป็นผู้ใช้ Social Media เป็นประจำด้วยเช่นกัน สงครามของ Social Media สงครามระหว่างแพลตฟอร์ม Social Media ยังคงดำเนินต่อไป ในปี 2018 ด้วย Facebook เป็นผู้นำในกลุ่ม แม้ว่าจะมีปัญหาต่างๆ มากมายเกินขึ้นในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา แต่ Facebook ก็สามารถดึงดูดผู้ใช้งานใหม่มากได้ถึง 38 ล้านคนใน 3 เดือน หรือ 1.7% ต่อไตรมาส ตามหลัง Facebook มาติดๆ ก็คือ YouTube และ Whatsapp ซึ่งครองตำแหน่งที่ 2 และ 3 ได้สำหรับแพลตฟอร์มที่มีคนใช้งานมากที่สุด ความกังวลต่อความปลอดภัยแต่ละประเทศต่างกัน แม้ว่าไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าทำไมแต่ละประเทศถึงมีความกังวลต่อความปลอดภัยต่างกัน รายงานนี้ได้แสดงให้เห็นผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในประเทศสเปนมีความกลัวมากที่สุดว่าข้อมูลส่วนตัวจะรั่วไหล ส่วนเทรนด์สำหรับแอปฯ มือถือในไตรมาสที่ 4 นั้นไม่ได้ต่างจากไตรมาสที่ 3 มากนัก แต่อุตสาหกรรมแอปฯ นั้นมีจำนวนมากขึ้นถึง 29 พันล้านแอปฯ ที่สามารถดาว์นโหลดได้ รายงานนี้ยังแสดงจำนวนเงินประมาณ 20 พันล้านดอลลาร์ที่ถูกใช้บนแอปฯ หรือเมื่อเฉลี่ยออกมาแล้วจะประมาณ 3.70 ดอลลาร์ต่อสมาร์ทโฟนแต่ละเครื่องที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ทั้งหมดทั้งมวลแล้ว เกมบนมือถือเหมือนจะได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่ของผู้ใช้อินเตอร์เน็ต และมียอดรวมรายได้มากที่สุดอีกด้วย ทางด้านอุปกรณ์ที่ใช้เขื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ในตอนนี้มือถือสมาร์ทโฟนครองส่วนแบ่งมากที่สุดที่ 51.6% ในขณะที่คอมพิวเตอร์ PC และโน้ตบุ๊คนั้นอยู่ลำดับที่ 2 ด้วยส่วนแบ่ง 44.1% แต่เมื่อดูตัวเลขการเปลี่ยนแปลงจะพบว่า คอมพิวเตอร์มีการเติบโตขึ้น 2% แต่มือถือสมาร์ทโฟนนั้นลดลง 1% CR : Brandbuffet #ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่3
07 พ.ย. 2561
โครงการเพื่อพัฒนาสถานประกอบการ กิจกรรมเพิ่มศักยภาพและยกระดับเทคโนโลยี
โครงการเพื่อพัฒนาสถานประกอบการ กิจกรรมเพิ่มศักยภาพและยกระดับเทคโนโลยี สำหรับผู้ประกอบที่อยู่ในพื้นที่ดำเนินการของ ศภ.3 เท่านั้น* พิจิตร,กำแพงเพชร,นครสวรรค์,ชัยนาท,อุทัยธานี,ลพบุรี,สิงห์บุรี, อ่างทอง ด่วนรับจำนวนจำกัด รีบสมัครกันนะครับ สมัครก่อนมีสิทธิ์ก่อนสมัครได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 พ.ย. นี้เท่านั้น สอบถามรายละเอียด หรือ สมัครร่วมกิจกรรม ได้ที่คุณกนก หมอกมืด โทร 085-8395579 #ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่3
06 พ.ย. 2561
Halal Tourism ฮาลาล อนาคตใหม่ของการท่องเที่ยวระดับโลก
Halal Tourism ฮาลาล อนาคตใหม่ของการท่องเที่ยวระดับโลก แม้นักท่องเที่ยวจีนจะยังคงเป็นกลุ่มนักเดินทางที่สร้างรายได้ให้แก่ธุรกิจในหลายประเทศ พวกเขาเริ่มเรียนรู้มารยาทในการท่องเที่ยวและเริ่มมีอารยะอย่างตะวันตก และยังคงมีประชากรจากแดนมังกรจำนวนมากที่มองว่าการเดินทางไปต่างประเทศเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของการแสดงความความร่ำรวยและการมีไลฟ์สไตล์ใหม่ที่เหนือกว่าการเที่ยวผ่านบริษัททัวร์ แต่ในปี 2018 กลุ่มนักท่องเที่ยวที่น่าจับตามองคือชาวมุสลิม หลังจากการเกิดขึ้นของเหตุการณ์ 9/11 ทำให้ชาวมุสลิมได้รับการจับตามองในการเข้าสหรัฐอเมริกา และบางประเทศในแถบยุโรป จุดหมายปลายทางอย่างประเทศในแถบเอเชียจึงเป็นทางเลือกใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนมาถึงกระแสการท่องเที่ยวฮาลาลที่กำลังเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะสามารถสร้างมูลค่าให้แก่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของโลกถึง 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2020 (จากรายงานของ MasterCard และ Crescent Rating) พร้อมด้วยกลุ่มชนชั้นกลางที่ขยายตัวอย่างมากและต้องการท่องเที่ยวเพื่อแสดงไลฟ์สไตล์ในฐานะเครื่องมือแสดงสถานะทางสังคม โดยมีการใช้จ่ายเงินต่อทริปมากถึง 2,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 70,000 บาทไทย โรงแรมขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ถนนพระราม 9 อย่างโรงแรมอัลมีรอซ (Al Meroz) คือโรงแรมฮาลาลแห่งแรกในประเทศไทย เมื่อเกิดความต้องการ อุปทานตอบรับอย่างโรงแรมนี้จึงเกิดขึ้นเพื่อรองรับการมาถึงของนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลาง โดยเฉพาะ โครงสร้างอาคารคล้ายมัสยิด ห้องละหมาด ห้องรับประทานอาหารฮาลาลขนาดใหญ่จำนวน 3 ห้อง ทุกห้องมีลูกศรชี้ทิศกิบลัต ณ นครมักกะฮ์ ผ้าปูละหมาด และอัลกุรอาน สภาพแวดล้อมสวยงามและปราศจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จากรายงานของ Global Muslim Index กล่าวว่ามาเลเซียเป็นหนึ่งในผู้นำด้านการสร้างการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรต่อนักท่องเที่ยวมุสลิม ถึงขนาดเปลี่ยนบางส่วนของเมืองกัวลาลัมเปอร์ให้เป็นย่าน Ain Arabia ย่านสำหรับนักท่องเที่ยวมุสลิมที่ตั้งอยู่บนถนนบูกิตบินตัง ย่านนี้เรียงรายด้วยร้านอาหารอาหรับและตะวันออกกลาง ร้านแฟชั่นบูธีค โรงแรมสำหรับชาวมุสลิม ร้านตัดผมที่มีช่างชาวบังคลาเทศผู้เชี่ยวชาญสำหรับการตกแต่งหนวดเคราโดยเฉพาะ และห้างสรรพสินค้าที่ครอบครัวจากซาอุดีอาระเบียหรืออาหรับจะใช้เวลาช้อปปิ้งได้อย่างเพลิดเพลิน มีร้านปลอดแอลกอฮอลล์แต่สนุกได้ด้วยการสูบชิชาและดื่มชา ในขณะเดียวกัน ประเทศต่างๆ อย่างประเทศไทย ญี่ปุ่น ไต้หวัน และสิงคโปร์ ต่างก็กำลังเดินหน้าพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวมุสลิม เช่น ประเทศไทยที่นอกจากจะมีโรงแรมแล้ว รัฐบาลยังมีแอพพลิเคชั่นที่ช่วยแนะนำร้านอาหารฮาลาลและสถานที่ที่นักท่องเที่ยวมุสลิมสามารถเดินทางได้ ในขณะที่สถานีรถไฟในไต้หวันก็มีห้องละหมาดและเริ่มมีร้านอาหารฮาลาลเปิดให้บริการในประเทศมากขึ้น เจ้าของธุรกิจโรงแรมรวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวอื่นๆ จึงควรเตรียมพร้อมเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อต้อนรับเหล่านักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้อย่างสมบูรณ์ อาหารฮาลาล บริการสำคัญอันดับหนึ่ง ทุกเมนูจำเป็นต้องได้รับการรับรองตราสัญลักษณ์ฮาลาลสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการละหมาด ชาวมุสลิม 63 เปอร์เซ็นต์ทำละหมาดวันละ 5 ครั้ง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ พร้อมสรรพ เช่น พื้นที่สำหรับการอาบน้ำละหมาด เป็นต้นห้องอาบน้ำ น้ำสะอาดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชาวมุสลิม การมีพื้นที่ชำระร่างกาย และผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากส่วนผสมจากสัตว์หรือแอลกอฮอลล์ จึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการพักผ่อน ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำที่แบ่งชาย-หญิง ห้องออกกำลังกายหรือชายหาดที่แบ่งการใช้งานตามเพศ ตลอดจนพื้นที่ส่วนกลางสำหรับครอบครัว มุสลิมรุ่นใหม่ ช้อป ชิม แชร์ และเข้าถึงประสบการณ์ท้องถิ่น หนุ่มสาวมุสลิมรุ่นใหม่เริ่มให้ความสนใจเรื่องการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมมากขึ้น พร้อมเปิดรับและเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ โดยที่ยังสามารถปฏิบัติตามหลักทางศาสนาได้อย่างครบถ้วน ฟาซาล บาฮาร์ดีน (Fazal Bahardeen) ผู้ก่อตั้ง Crescent Rating กล่าวว่า “ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการท่องเที่ยวของชาวมุสลิม (Muslim Tourism) คือผู้คนคิดว่าต้องทำสิ่งที่มุสลิมทำ แต่ไม่ใช่เลย พวกเขาต้องการทำสิ่งที่นักท่องเที่ยวทุกคนทำ ช้อปปิ้ง เดินชายหาด หรือสัมผัสประสบการณ์ท้องถิ่น พวกเขาต้องการสนุกเหมือนกับทุกคน เพียงแต่พวกเขาต้องการแน่ใจว่าจะไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องความต้องการทางศาสนาขั้นพื้นฐานของพวกเขาก็เท่านั้น” นี่จึงเป็นที่มาของธุรกิจอย่าง Muslim History Tours บริการพานักท่องเที่ยวไปจิบชาฮาลาลบนเรือครูซล่องในแม่น้ำเทมส์ ทัวร์ขึ้นเขาคิริมันจาโร ตลอดจนการเที่ยวทั้งครอบครัวที่เกาะมาชูปิกชู โดยบริษัท Serendipity Tailormade ที่จะพาไปสัมผัสกับความเป็นท้องถิ่นอย่างแท้จริง พบปะผู้คนและประสบการณ์ใหม่ในท้องถิ่น โดยตลอดทริปจะมีการแบ่งเวลาสำหรับกิจกรรมทางศาสนาอย่างเหมาะสม ชาวมุสลิมรุ่นใหม่สร้างเทรนด์การท่องเที่ยวผ่านโซเชียลมีเดียหลายช่องทาง ทั้งในเชิงแนะนำว่าพื้นที่ไหนเป็นมิตรและพื้นที่ไหนไม่เหมาะสม รวมถึงสร้างกระแสเที่ยวคนเดียวก็ลุยได้ จนเกิดเป็นอินฟลูเอนเซอร์ บล็อกเกอร์ หรือเพจต่างๆ ให้ได้กดติดตาม ยกตัวอย่างผู้หญิงมุสลิมจากอินโดนีเซียอย่างดิอัน เปลังกี (Dian Pelangi) ที่สร้างแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อวงการแฟชั่นและการท่องเที่ยวสำหรับชาวมุสลิม ด้วยจำนวนผู้กดติดตามกว่า 4.8 ล้านคน กับภาพการท่องเที่ยวซึ่งแต่ละที่นั้นล้วนน่าสนใจและชุดคอสตูมแต่ละทริปของเธอก็น่าติดตาม อีกหนึ่งธุรกิจที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสำหรับชาวมุสลิมคือสปาและการพักผ่อน โปรเจ็กต์ที่น่าจับตามองอย่าง Zulal Destination Spa รีสอร์ทเพื่อการพักผ่อนระดับ 6 ดาวในโดฮา ที่แนะนำตัวเองว่าเป็นรีสอร์ทแรกที่รวบรวมบริการเพื่อการพักผ่อนมาไว้แบบครบวงจร โดยเน้นโปรแกรมการพักผ่อนแบบดั้งเดิมจากสาขาต่างๆ ของอิสลาม ทั้งเรื่องโภชนาการ ความสวยงาม การนวด กลิ่นหอม น้ำ ความสมดุล การฝึกพลังงานในร่างกาย ทั้งนี้โปรแกรมต่างๆ ถูกออกแบบเพื่อรองรับผู้เข้าพักที่ต้องการประสบการณ์ใหม่ในการพักผ่อนที่ดีที่สุด โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนเมษายน ปี 2018 CR : TCDC #ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่3
30 ต.ค. 2561
กิจกรรมโครงการ "บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างพิจิตรเมืองยิ้ม"
วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม 2561 นางเฉลา ศรีเพ็ชร ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 3 และเจ้าหน้าที่ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 3 เข้าร่วมกิจกรรมโครงการ "บำบัดทุกข์ บำรุงสุข สร้างพิจิตรเมืองยิ้ม" เพื่อแนะนำหน่วยงาน ประชาสัมพันธ์บริการ กิจกรรมโครงการต่างๆ ของศูนย์ฯ ณ วัดนิคมราษฎร์บำรุง ต.เขาเจ็ดลูก อ.ทับคล้อ จ.พิจิตร โดยมี นายวรพันธ์ สุวัณณุสส์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตรเป็นประธาน #ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่3
29 ต.ค. 2561
เปิดตัวเครื่องสีข้าว ดันเกษตรกรสู่สมาร์ทฟาร์เมอร์
เปิดตัวเครื่องสีข้าว ดันเกษตรกรสู่สมาร์ทฟาร์เมอร์ จากความร่วมมือของกลุ่มบริษัทซีแอลพีของไทย ได้ร่วมมือกับบริษัท ไทวะ เซกิ คอร์ปอเรชั่น (Taiwa) จากประเทศญี่ปุ่น ในการทำการวิจัยและสร้างเทคโนโลยีสู่การผลิตเครื่องสีข้าวรุ่นใหม่ ที่เหมาะกับข้าวเม็ดยาวของประเทศไทยและประเทศต่างๆ จากในตลาดโลกประมาณ 85% จะเป็นข้าวเม็ดยาว เพื่อร่วมมือสร้างสิ่งที่มีประโยชน์ต่อเกษตรกรที่ปลูกข้าว“มานพ ลี้โกมลชัย” ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทซีแอลพี เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทซีแอลพี (CLP) ในนามบริษัท ซี แอล พี เอ็นจิเนียริ่ง ผู้ผลิตเครื่องสีข้าวและเครื่องจักรกลการเกษตร รวมถึงการเป็นผู้ผลิต (โออีเอ็ม) ชิ้นส่วนให้แก่รถยนต์และรถจักรยานยนต์มานานกว่า 40 ปีแล้ว โดยบริษัทมีการผลิตที่มีมาตรฐานและมีคุณภาพในการผลิตที่ดีอย่างต่อเนื่องมายาวนาน จึงต้องการนำองค์ความรู้ที่มีอยู่และเป็นประโยชน์มาส่งเสริมช่วยเหลือภาคเกษตรกรของประเทศไทย ทั้งนี้ บริษัทได้ร่วมมือเป็นพันธมิตรกับบริษัท ไทวะ เซกิ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น โดยบริษัท ไทวะ ได้ส่งมอบองค์ความรู้ (โนว์ฮาว) มาร่วมมือกันพัฒนาและร่วมมือวิจัย สร้างดีไซน์ จึงได้ผลิตภัณฑ์สู่ตลาด ภายใต้งบพัฒนาประมาณ 100 ล้านบาท และใช้ฐานการผลิตในโรงงานของบริษัทที่นวนคร ผลิตภัณฑ์แรกได้แก่ เครื่องสีข้าว ซีแอลพี รุ่น CMF-201 มีความเหมาะสำหรับกลุ่มวิสาหกิจชุมชน หรือในอุตสาหกรรมผลิตข้าวสาร มีระบบการทำงานครบจบทุกขั้นตอน ทั้งทำความสะอาดข้าวเปลือก กะเทาะข้าวเปลือก ขัดสี และคัดแยกขนาดข้าวสาร สามารถทำการขัดสีข้าวได้ถึง 200 กิโลกรัมข้าวเปลือก/1 ชั่วโมง ผลิตได้ทั้งข้าวกล้องและข้าวขาว กำหนดราคาเครื่องที่ 3.4 แสนบาท“เรียวอิจิ ทาไก” ประธานบริษัท ไทวะ เซกิ คอร์ปอเรชั่น (Taiwa) ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า บริษัทได้รับการส่งเสริมให้ร่วมผลิตเครื่องสีข้าวสำหรับเม็ดข้าวยาว จากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น หรือไจก้า จึงได้เริ่มพัฒนาเครื่องสีข้าว ประกอบกับเมื่อได้เจอกับ กลุ่มบริษัทซีแอลพี และได้หารือร่วมกันพบว่าต่างมีแนวคิดเดียวกันในการสร้างธุรกิจเพื่อช่วยเหลือภาคการเกษตรของไทยให้เติบโตไปด้วยกัน “ได้เจอกับคุณมานพมาประมาณ 1 ปีก่อนหน้านี้ และได้พูดคุยกัน จึงประทับใจกับแนวคิดที่ต้องการสร้างธุรกิจเพื่อร่วมช่วยเหลือภาคเกษตรกรให้เติบโตไปพร้อมกัน เป็นเป้าหมายเดียวกับไทวะ ทำให้ตัดสินใจร่วมมือเป็นพันธมิตร” ทาไก กล่าว ขณะเดียวกันเครื่องสีข้าวยังมีประสิทธิภาพในการทำให้ได้ข้าวขาวออกมาในปริมาณสูง โดยได้เม็ดข้าวขาวสัดส่วน 63-65% แตกต่างจากของแบรนด์อื่นที่ได้สัดส่วน 50% และทำให้ได้ข้าวที่มีคุณภาพที่ดี รวมถึงให้รสชาติของข้าวที่มีความอร่อยอีกทั้งได้เปิดตัวเครื่องสีข้าวรุ่นเล็กสำหรับในครัวเรือน ทั้งเครื่องสีข้าวซีแอลพี รุ่น CR-150 ECO น้ำหนักตัวเครื่อง 45 กิโลกรัม และเครื่องสีข้าวซีแอลพี รุ่น CR-150 ECO Dual Function น้ำหนักตัวเครื่อง 65 กิโลกรัม ซึ่งสินค้ามีการรับประกันตัวเครื่องนาน 5 ปี โดยเครื่องสีข้าวซีแอลพี รุ่น CR-150 ECO ขายในราคา 1.49 หมื่นบาท และเครื่องสีข้าวซีแอลพี รุ่น CR-150 ECO Dual Function ราคา 1.95 หมื่นบาท ทั้งนี้ ซีแอลพี และไทวะ มั่นใจว่าจะเป็นผลดีในการสร้างเกษตรกร 4.0 พร้อมวางเป้าหมายจะขึ้นเป็นผู้นำตลาดเครื่องสีข้าวของไทยในเวลา 3 ปี และจะขยายตลาดส่งออกทั่วโลก รวมถึงมีแผนสร้างสินค้ากลุ่มใหม่ออกมาต่อเนื่อง เพื่อร่วมสร้างเกษตรกรรุ่นใหม่สมาร์ทฟาร์เมอร์ CR: posttoday #ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่3
26 ต.ค. 2561